ข่าวธุรกิจ

Gulf ถือหุ้น Binance เปิดศูนย์แลกเปลี่ยนคริปโต

Binance Binance 856x599 1.png

ตลาดดิจิทัลไทยเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลัง Gulf ถือหุ้น Binance สหรัฐฯ ขึ้นแท่นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ถือหุ้น Binance ในสหรัฐอเมริกาด้วยมูลค่ากว่า 660 ล้านบาท เดินหน้าวางกลยุทธ์บุกตลาดดิจิทัลเต็มกำลัง เพื่อจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ก่อนจะควักอีก 1,650 ล้านบาท ซื้อเหรียญ Binance Coin (BNB) ดันให้แพลตฟอร์มขึ้นแท่นหนึ่งในบริษัทที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก พร้อมลุยเดินหน้าแผนการเสนอขายหุ้น IPO ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทางด้าน Changpeng Zhao ซีอีโอแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนชื่อดังได้เคยออกมายืนยันถึงการตัดสินใจให้ Binance สหรัฐฯลงสำรวจเส้นทางหนทางในการเสนอขาย IPO เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2021 ที่ผ่านมาอีกด้วยเช่นเดียวกัน ล่าสุด ได้มีการเผยแพร่ภาพที่ยืนยันข่าวความเคลื่อนไหวในการลงนามร่วมกับบริษัทสัญชาติไทยเมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา อีกด้วย

Gulf ถือหุ้น Binance เกินครึ่ง

Image1 8 1024x642.jpg
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ เจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินแห่ง GULF

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ เจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินแห่ง GULF ได้ออกมายืนยันถึงการร่วมลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด (Gulf Innova) และ Binance Capital Management Co., Ltd.ในการพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ก่อนเตรียมดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนเป็นผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ Gulf Innova จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 51% ในขณะที่ Binance Capital Management จะถือหุ้นในสัดส่วนที่เหลืออีก 49%

นอกจากนี้ทาง GULF ยังได้ทุ่มเงินมูลค่ากว่า 1,650 ล้านบาท ซื้อเหรียญ Binance Coin (BNB) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลประจำเครือข่าย Binance เพื่อต่อยอดธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดดิจิทัลให้แก่ Gulf International Investment Limited อีกด้วย โดย GULF เชื่อมั่นว่าการร่วมผนึกกำลังกับผู้นำรายใหญ่ในตลาดดิจิทัลนั้นสอดคล้องกับเป้าหมายในการพัฒนาองค์กรให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถขยายธุรกิจออกไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอนาคตอันใกล้ด้วยเช่นเดียวกัน

แผนการบุกตลาดดิจิทัลของ Gulf และ Binance ยังไม่ถูกใจหน่วยงานกำกับดูแล

การผนึกกำลังตีตลาดดิจิทัลของ Binance และ GULF ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แน่นอนว่า ด้านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนรายใหญ่นั้น ได้เล็งเห็นโอกาสในการจะเข้ามาให้บริการเพิ่มเติมในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงตัดสินใจเดินหน้าหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ทางด้านหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศไทยกลับมองว่าการดำเนินกิจการของ Binance ภายในประเทศนั้นยังคงเป็นไปอย่างผิดกฎหมายอยู่ เช่นเดียวกันกับในอีกหลายประเทศที่ได้มีการออกมาตรวจสอบแพลตฟอร์มดังกล่าวอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, หมู่เกาะเคย์แมน และจังหวัดออนแทรีโอในประเทศแคนาดา เป็นต้น

Fdb B9 A16 Beea 4 E B7 Aeae Cf F08 C17 E24 F 728x485 1.jpg

นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมประชุมพิจารณาถึงประโยชน์ และความเสี่ยงต่อการนำคริปโตมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้า และบริการ ก่อนมีมติสั่งแบนการกระทำดังกล่าวในเดือนเมษายน แม้ว่ากฎหมายดังกล่าวจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับบรรดานักลงทุนคริปโตภายในประเทศอยู่บ้าง แต่ทว่าทางหน่วยงานดังกล่าวก็ได้ออกมาย้ำชัดว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อต้านการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลแต่อย่างใด พร้อมทั้งยังยืนยันที่จะสนับสนุนให้ประชาชนนำสินทรัพย์ดังกล่าวมาลงทุนเพิ่มเติมอีกด้วย

ไทยเริ่มสร้างความชัดเจนให้กับกฎหมายคริปโต

แม้ว่าจะมีคำสั่งแบนการนำคริปโตมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้า และบริการก็ตาม แต่ทว่าการร่วมมือกันของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาดดิจิทัลในไทยอย่างมาก โดยจะเห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเฉลี่ยต่อวันที่เติบโตขึ้นหลายเท่าตัวกว่า 4,839 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 420 ล้านบาท รวมไปถึงจำนวนผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเองก็มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นมาถึง 1,978 ล้านราย จากเดิม 1.7 แสนรายเลยทีเดียว ส่งผลให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของประเทศเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเริ่มมองหาแนวทางที่จะสร้างความชัดเจนให้กับกฎหมายของสินทรัพย์แต่ละประเภทเพิ่มเติม ซึ่งจะเห็นได้จากท่าทีของกรมสรรพากรแห่งประเทศไทย ที่ได้ออกมาประกาศละเว้นการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% จากกำไรส่วนต่างของการลงทุนคริปโตจนถึงปี 2023 ในเดือนที่ผ่านมา หลังจากได้รับกระแสต่อต้านครั้งใหญ่จากบรรดาผู้ใช้งานในประเทศไทยจำนวนมาก

ทั้งนี้ การแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลในครั้งนี้จะสามารถช่วยสร้างความเชื่อถือให้กับตลาดซื้อขายคริปโตในประเทศไทย พร้อมทั้งเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลแก่ประชาชนในอนาคตได้อีกด้วย

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตลาด Altcoin มีโอกาสเสี่ยงถูกปรับฐาน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
คาดการณ์ราคา Bitcoin หลังช่วง Halving! พร้อมเผยเป้าหมาย ที่เหรียญอาจทำราคาพุ่งไปถึง
วาฬในเครือข่าย Solana ใช้เงินกว่า 4.9 ล้านดอลลาร์ ในการเข้าซื้อเหรียญมีม PUPS
Bitkub เปิดตัว Open Beta ของ 'TSX by Astronize' โปรเจกต์เกมใหม่ล่าสุดบน Bitkub Chain