แบงก์ชาติเยอรมันจับมือบริษัท Blockchain สร้างระบบ Decentralized
ธนาคารกลางเยอรมันกำลังมองหาเครื่องมือที่จะกลายมาเป็นทางเลือกของ CBDC

ธนาคารกลางเยอรมันกำลังมองหาเครื่องมือที่จะกลายมาเป็นทางเลือกของ CBDC
ธนาคารกลางเยอรมันก้าวสู่โลกแห่ง Blockchain
โลกทุกวันนี้ได้กลายเป็นยุคดิจิทัลที่ทั้งสถาบันการเงินและปัจเจกบุคคลจะต้องปรับตัวหมุนตามให้ทัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาในทศวรรษนี้อย่างเช่น Blockchain
ธนาคารกลางของเยอรมันพิจารณาใช้ Blockchain โดยมีรายงานจากหน่วยงานรัฐบาลของประเทศเปิดเผยว่าธนาคารกลางของเยอรมันจะจ้างองค์กรไม่แสวงหากำไรด้าน Blockchain ของสิงคโปร์เพื่อสร้างเครือข่ายแบบ Decentralized ของธนาคารกลาง (ศึกษาเกี่ยวกับบทความเรื่อง Centralization และ Decentralization ที่นี่)
โดยธนาคารกลางได้เปิดเผยรายละเอียดว่าจุดประสงค์หลักของโครงการคือการสร้างแนวทางเครือข่ายแบบกระจายอำนาจซึ่งช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าถึงข้อมูลแบบถาวร มีการอัพเดทสถิติแบบเรียลไทม์และรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลได้พร้อม ๆ กัน
บริษัทที่ธนาคารกลางเข้าร่วมมือด้วยก็คือ Ocean protocol เพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการเผยแพร่ ถ่ายโอนและใช้ข้อมูลสาธารณะและข้อมูลส่วนตัวอย่างปลอดภัย
Ocean protocol เป็นแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีรายงายข่าวเผยว่า Ocean protocol จะร่วมพัฒนาโครงการนำร่องร่วมกับ Daimler AG ผู้ผลิต Mercedes-Benz อีกด้วย
CBDC คือภัยคุกคามของธนาคารกลางเสียเอง?
อีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าโลกเปลี่ยนไปเป็นยุคสมัยดิจิทัลอย่างแท้จริงก็คือการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางของแต่ละประเทศ หรือ CBDC ที่ตอนนี้มีหลายประเทศมากพัฒนาเหรียญ CBDC ของตนเอง รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย
ประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปนั้นใช้สกุลเงินร่วมกัน คือสกุลเงินยูโร ด้านคณะกรรมการสหภาพยุโรปก็กำลังพิจารณาที่จะสร้างสกุลเงินยูโรดิจิทัลที่นำมาใช้ร่วมกันภายในสหภาพด้วย
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าธนาคารกลางของเยอรมันกำลังมองหาสิ่งที่นำมาเป็นแพลตฟอร์มทางเลือกนอกเหนือจาก CBDC ก่อนหน้านี้มีรายงานเผยว่าสมาชิกคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางเยอรมันกล่าวว่า CBDC จะกลายมาเป็นศัตรูกับธนาคารกลางในที่สุด และเสนอแนะให้คนสามารถใช้ CBDC เป็นทางเลือกชำระเงินได้เท่านั้น มิใช่เอาเก็บไว้เป็นเงินออม
หากสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางมีลักษณะเช่นเดียวกับเงินทั่วไปผู้ฝากสามารถถอนเงินได้ในช่วงวิกฤตโดยการแปลงเป็นเงินยูโรดิจิทัลทำให้ธนาคารกลางมีภาระมากขึ้น ซึ่งมัน “อาจนำไปสู่การแยกโครงสร้างของภาคการธนาคารและด้วยเหตุนี้อาจทำให้การให้เครดิตของธนาคารลดลงในระบบเศรษฐกิจ” นาย Burkhard Balz กล่าว