5 เหตุผลเบื้องหลังการพุ่งทยานทะลุ $3,000 ของ Ethereum
Ethereum ซี่งเป็น Altcoin ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง โดยพุ่งทยานทำลายสถิติเก่าอย่างขาดลอย และ ณ ปัจจุบันมีราคาเกิน 3,000 ดอลลาร์ เข้าให้แล้ว อะไรกันที่ทำให้เจ้า ETH นี้เติบโตอย่างบ้าคลั่งในปี 2021 วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
Ethereum ซี่งเป็น Altcoin ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง โดยพุ่งทยานทำลายสถิติเก่าอย่างขาดลอย และ ณ ปัจจุบันมีราคาเกิน 3,000 ดอลลาร์ เข้าให้แล้ว อะไรกันที่ทำให้เจ้า ETH นี้เติบโตอย่างบ้าคลั่งในปี 2021 วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
เมื่อไม่นานมานี้ตลาด Cryptocurrency ทั้งหมดได้ตกอยู่ในสภาวะซบเซา แต่เนื่องจากปัจจัยบางอย่าง Ether จึงไม่ถูกฉุดรั้งโดยตลาดสกุลเงินดิจิทัลโดยรวม แต่กลับดูดซับเงินร้อน และทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อ้างอิงจากข้อมูลของ AssetDash มูลค่าตามราคาตลาดของสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 2 อย่าง Ether แถมยังเป็น Altcoin เบอร์ 1 ของตลาดได้วิ่งแซงหน้า Home Depot (บริษัทธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และของตกแต่งบ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในด้านรายได้) และ Bank of America ไปเป็นที่เรียบร้อย
โดยมูลค่าตลาดของ Ethereum (ETH) ณ ขณะที่เขียนบทความนี้นั้นสูงถึง 3.68 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 24.25% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามการอ้างอิงข้อมูลจาก Coinmarketcap
นอกจากนี้ในช่วงเวลาที่เขียนบทความนี้ Ethereum ทำมูลค่าต่อเหรียญสูงถึง 3,109.58 ดอลลาร์ จนถึงขณะนี้อัตราผลตอบแทนของ ETH นั้นน่าประทับใจมากโดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 300% - จาก 737.50 ดอลลาร์เป็น 3,109.58 ดอลลาร์ตั้งแต่ต้นปี 2021 ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่ามีสาเหตุใดบ้างที่ทำให้ราคาของ Ethereum สามารถทะลุเกณฑ์ทางจิตวิทยาที่ 3,000 ดอลลาร์ได้
เหตุผลที่ 1: นักพัฒนาทำงานอย่างหนักเพื่อการบูรณาการร่วมกับ ETH 2.0
รู้หรือไม่ว่า มูลค่ารวมของสัญญาเงินฝาก ETH 2.0 สูงเกินกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าให้แล้ว
เจ้า Ethereum 2.0 ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2020 และพยายามอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนกลไกประมวลผลจากการทำ Proof-of-Work มาเป็น Proof-of-Stake (PoS) ด้วยเหตุผลที่ว่ามันจะนำมาซึ่งโซลูชันที่ถาวรยิ่งขึ้นสำหรับความสามารถในการปรับขนาด และความท้าทายด้านค่าธรรมเนียมก๊าซที่เครือข่ายเผชิญอยู่ในขณะนี้
อัลกอริธึม Proof-of-Stake นั้นช่วยให้การยืนยันบล็อกสามารถปรับขนาดได้มากขึ้น แถมยังปลอดภัย และยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ต้องการผู้ตรวจสอบความถูกต้องในเพื่อวางขีดจำกัดของ Ether แทนที่จะใช้การแก้ปริศนาการเข้ารหัสแบบก่อน
ซึ่งการทำงานเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนตาเห็น และการอัพเกรดเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยหลายต่อหลายทีมในระบบนิเวศของ Ethereumและจำนวนเงินฝากในที่อยู่สัญญา Ethereum 2.0 ที่สูงกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้เป็นตัวพิสูจน์ว่า แนวคิดการเปลี่ยนมาใช้โมเดล PoS นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากเพียงใด
เหตุผลที่ 2: ค่าธรรมเนียมก๊าซเฉลี่ยของ Ethereum แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
ตามข้อมูลจาก Glassnode บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล On-chain ระบุว่า ค่าเฉลี่ย Gas Price ของ ETH (7d MA) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 63.120 GWEI
ซึ่งการที่ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม หรือก๊าซเฉลี่ยสำหรับเครือข่ายบล็อกเชนได้หล่นมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ถือเป็นข่าวดีมิใช่น้อยเมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมกว่า 100 Gwei ที่บันทึกไว้ในเดือนก่อนหน้า
และสาเหตุก็มาจากการที่ทาง Ethereum นั้นมีการปรับปรุงโปรโตคอลหลายอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาค่าธรรมเนียมก๊าซ เมื่อเร็ว ๆ นี้การอัปเกรด “Berlin” ได้ถูกปล่อยบน Ethereum mainnet และปูทางไปสู่การอัปเกรด EIP-1559 ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าธรรมเนียมของเครือข่ายในอนาคต
เหตุผลที่ 3: การเพิ่มขึ้นของพันธบัตรดิจิทัล
European Investment Bank (EIB) ประกาศแผนการขาย "พันธบัตรดิจิทัลสองปี" บนเครือข่าย Ethereum blockchain ด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 100 ล้านยูโร
ซึ่งในปัจจุบันพันธบัตรดังกล่าวได้รับการลงทะเบียนโดยตรงบน Ethereum blockchain และการเพิ่มขึ้นของตลาดตราสารหนี้ดังกล่าวนี้บ่งชี้ว่าธนาคาร และสถาบันการเงินขนาดใหญ่จะใช้บล็อกเชนสาธารณะสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้นในอนาคต สิ่งนี้เสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือครอง Ether อย่างไม่ต้องสงสัย
เหตุผลที่ 4: Open Interest ของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Ethereum สูงเป็นประวัติการณ์
อีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ราคา ETH ขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลคือเจ้า Open Interest หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าคงค้างในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Ethereum ซึ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 9.36 พันล้านดอลลาร์ เมื่อวานนี้
เหตุผลที่ 5: การฟื้นตัวของตลาดการเงินแบบกระจายอำนาจ
ระบบนิเวศของ Ethereum ได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จอีกขั้น โดยมูลค่ารวมที่ถูกล็อค (The Total Value Locked) ของตลาดการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ทั้งหมดบรรลุเป้าหมายใหม่ ซึ่งมีมูลค่าถึง 7.077 หมื่นล้านดอลลาร์
แต่ใช่ว่าคนอื่นจะยอมให้ Ethereum โตอยู่ฝ่ายเดียว เพราะแพลตฟอร์มทางการเงินที่กระจายอำนาจรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Uniswap, Compound, Maker และผู้นำรายอื่น ๆ กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อทำลายมูลค่าสุทธิของสัญญาอัจฉริยะบน Ethereum blockchain ให้ได้ โดยต้องมีมูลค่าเกิน 73,000 ล้านดอลลาร์