ข่าวคริปโตเคอเรนซี่

รัฐบาลทั่วโลกเร่งออก Stablecoin หวังแข่งดอลลาร์ในสนามสินทรัพท์ดิจิทัล

รัฐบาลทั่วโลกเร่งออก Stablecoin หวังแข่งดอลลาร์ในสนามสินทรัพท์ดิจิทัล

Stablecoin ของสกุลเงินหยวนจีนและวอนเกาหลีใต้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ ขณะที่หลายประเทศเดินหน้าวางสกุลเงินของตนบนบล็อกเชนเพื่อรักษาอิทธิพลทางการเงินระหว่างประเทศ

การแข่งขันด้าน Stablecoin ในระดับโลกร้อนแรงขึ้นอีกขั้น หลังจากสัปดาห์นี้มีการเปิดตัว Stablecoin ที่ผูกกับค่าเงินหยวนจีน (CNH) และเงินวอนเกาหลีใต้ (KRW) โดยทั้งสองโครงการมุ่งใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อผลักดันบทบาทของสกุลเงินประจำชาติในตลาดโลก

บริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน AnchorX เปิดตัว AxCNH Stablecoin ที่ผูกกับสกุลเงินหยวนสำหรับตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในงาน Belt and Road Summit ที่ฮ่องกง สกุลเงินดิจิทัลนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับการค้าข้ามพรมแดนในโครงการ Belt and Road ของจีน ซึ่งเชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่ตะวันออกกลางถึงยุโรป

ขณะที่ BDACS บริษัทโครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัล ประกาศเปิดตัว KRW1 Stablecoin ที่ผูกกับสกุลเงินวอนเกาหลีใต้เมื่อวันพฤหัสบดี โดยทั้งสองโทเคนนี้ถูกออกแบบให้มีการค้ำประกันเต็มรูปแบบ 1:1 ด้วยเงินฝากหรือพันธบัตรรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน

โครงสร้างการบริหารจัดการเหรียญ Stablecoin KRW1 ( ที่มา : BDACS )
โครงสร้างการบริหารจัดการเหรียญ Stablecoin KRW1 ( ที่มา : BDACS )

Stablecoin กับบทบาทเชิงยุทธศาสตร์

การพัฒนา Stablecoin กำลังกลายเป็นเครื่องมือเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ที่รัฐบาลทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้น การนำสกุลเงินประจำชาติขึ้นสู่ “โลกดิจิทัล” ไม่เพียงช่วยให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนรวดเร็วขึ้น แต่ยังสามารถเพิ่มความต้องการใช้สกุลเงินนั้น ๆ ในระดับโลก ซึ่งมีส่วนช่วยลดแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เกิดจากการพิมพ์เงินเพิ่ม

ระบบการเงินแบบดั้งเดิมมักเชื่องช้า มีข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน และในบางประเทศยังมีการควบคุมเงินตราอย่างเข้มงวด ทำให้ความต้องการใช้เงินตราลดลง การออก Stablecoin ที่ผูกกับสกุลเงินประจำชาติจึงเป็นทางออกที่ทำให้สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ผ่านการชำระเงินที่รวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมงบนเครือข่ายบล็อกเชน

บทบาทของเอกชนและรัฐบาล

ผู้ออก Stablecoin รายใหญ่ เช่น Tether และ Circle ใช้โมเดลการค้ำประกันด้วยพันธบัตรรัฐบาลและเงินสด เพื่อสร้างความมั่นใจและเปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงสินทรัพย์เหล่านี้ได้เพียงแค่มีมือถือและกระเป๋าเงินคริปโต ในทางปฏิบัติ ผู้ใช้งานจึงเปรียบเสมือน “ผู้ซื้อพันธบัตรทางอ้อม” ช่วยเพิ่มความต้องการในตลาดตราสารหนี้ ลดอัตราผลตอบแทน และบรรเทาภาระหนี้ของรัฐบาล

ปัจจุบัน Tether เป็นหนึ่งในผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐรายใหญ่ที่สุดในโลก มากกว่าหลายประเทศพัฒนาแล้ว เช่น แคนาดา นอร์เวย์ และเยอรมนี

ด้าน Anton Kobyakov ที่ปรึกษาประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ระบุเมื่อไม่นานนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังใช้ Stablecoin และทองคำเพื่อพยายามรักษาความเชื่อมั่นให้กับดอลลาร์ ท่ามกลางหนี้สาธารณะที่สูงถึง 37 ล้านล้านดอลลาร์

อ้างอิง : Cointelegraph

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง

ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล

Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว

บทความที่เกี่ยวข้อง

เทรดเดอร์ที่กวาดกำไร $192 ล้านจากการ Short ตลาดคริปโต กลับมาเดิมพันอีกครั้ง!
Ether ฟื้นตัวแรงแตะ $4,100 ตลาด Futures กลับสู่สมดุล นักวิเคราะห์มองเป้าหมายถัดไปที่ $4,500
เทรดเดอร์ชื่อดังชี้! “มีโอกาสสูงมาก” ที่นี่คือจุดเริ่มต้นตลาดขาขึ้นรอบใหม่ของคริปโต
ดัชนีความกลัวในตลาดคริปโตพุ่ง หลัง Bitcoin ร่วงแรงจากมาตรการภาษีของ Trump