Blockchain

ยุโรปตะวันออกกลายเป็นแหล่งสร้างเครือข่าย Darknet

Photo 1562813733 B31f71025d54 1.jpg

บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลรายงานถึงส่วนแบ่งทางตลาดคริปโตในยุโรปตะวันออกที่เติบโตแบบไม่ชอบมาพากล ทั้งยังมีตัวเลขของการโจมตีด้วย Ransomware เพิ่มขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด โดยพวกเขามองว่าผู้ให้บริการเครือข่าย Darknet มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้

การศึกษาล่าสุดจาก Chainalysis บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้าน Blockchain และ Cryptocurrency ที่ช่วยเหลือหน่วยงานของภาครัฐ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Crypto รวมถึงเหล่าสถาบันการเงินในการนำ Cryptocurrency และ Blockchain มาใช้อย่างปลอดภัย พบว่าผู้ให้บริการเครือข่าย Darknet มีส่วนรับผิดชอบต่อส่วนแบ่งทางตลาดคริปโตในยุโรปตะวันออกที่เติบโตแบบไม่ชอบมาพากล ซึ่งผลของมันมาจากตัวเลขของการโจมตีด้วย Ransomware เพิ่มขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด

รู้จัก Darknet กันเสียก่อน

ปัจจุบันนี้มีเว็บไซต์เปิดเผยสู่สาธารณะที่สามารถค้นหาเจอโดยใช้ Search Engine เพียง 4% เท่านั้น ที่เหลืออีก 96% เป็นเว็บไซต์ที่ซ่อนตัวอยู่ ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีปกติ หรือที่เรียกว่า Deep Webซึ่ง Darknetก็คือส่วนหนึ่งของ Deep Web เหล่านั้น

Darknet คือ เครือข่ายรูปแบบหนึ่งที่สร้างอยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตามมันแตกต่างจากอินเทอร์เน็ตทั่วไปเนื่องจากการจะเข้าถึงเครือข่าย หรือทรัพยากรในเครือข่ายนั้นจำเป็นต้องมีการตั้งค่ากับระบบ หรือการติดตั้งซอฟต์แวร์/โปรแกรม เพื่อให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายเหล่านี้ได้ ซึ่งภายใน Darknet นั้นมีสื่อที่ยากจะตรวจสอบอยู่หลากหลายประเภท เรียกง่าย ๆ ว่าคือ “ตลาดมืดออนไลน์” ดี ๆ นั่นเอง เพราะจากการวิจัยของ King’s College London พบว่าเกินครึ่งของสิ่งที่อยู่ใน Darknet นั้นเป็นสิ่งผิดกฏหมาย

ความไม่แน่นอนของภาครัฐส่งผลให้เกิดช่องโหว่

อ้างอิงจากการศึกษาข้างต้น ตลาดเสรีที่ไม่เปิดเผยชื่อผู้ใช้ที่รู้จักกันในนาม Hydra มีการสร้างรายได้จากสกุลเงิน Crypto ที่ผิดกฎหมายมากกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยแหล่งที่มาของปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่มาจากหน่วยงานที่ผิดกฎหมาย

ผลการศึกษายังพบอีกว่าโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินดิจิทัลของกลุ่มตะวันออกค่อนข้างกระจัดกระจายเมื่อเทียบกับหลายประเทศทางตะวันตก สิ่งนี้เองจึงเป็นผลให้เกิดเทคโนโลยีหลากหลาย รวมไปถึงวิธีการชำระเงินจำนวนมากที่สามารถเติบโตได้ในตลาดใต้ดินที่ดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย

แม้จะมีกฎระเบียบที่ค่อนข้างกำกวมเกี่ยวกับตลาดสกุลเงินดิจิทัลในยุโรปตะวันออก แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าภูมิภาคนี้ได้มีการเตรียมพร้อมสำหรับการขยายตัวเกี่ยวกับสกุลเงินเหล่านี้ ด้วยความสนใจจากบุคคลภายนอกที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ยุโรปตะวันออกยังคงดึงดูดผู้จัดการกองทุน Crypto ได้จากทั่วทุกมุมโลก

ทั้งยูเครนและรัสเซียถือเป็น 2 ยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคนี้ที่กำลังแข่งขันกันอย่างหนักในการนำเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตมาใช้งาน โดยการเปิดรับทั้งด้านเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency นั้นมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงมากแม้จะมีความคลุมเครือในด้านของกฎระเบียบก็ตาม แต่ทว่าที่อาจจะเป็นแรงผลักดันที่ดี เพื่อให้กฎระเบียบเหล่านี้มีมาตรฐานมากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นเริ่มมองเห็นประเด็นเหล่านี้แล้วและพร้อมที่จะเข้มงวดกับมันมากขึ้น

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

โมเดลการเติบโตแบบ 'Power Law' คาดการณ์ราคา Bitcoin พุ่งแตะ 200,000 ดอลลาร์ในปี 2025
Bitcoin ทรงตัวเหนือ 90,000 ดอลลาร์ แต่ดัชนีความโลภเริ่มแผ่ว ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาด
ARK Invest ปรับคาดการณ์ราคาขาขึ้นของ Bitcoin ปี 2030 แตะ 2.4 ล้านดอลลาร์ ชูบทบาท “ทองคำดิจิทัล” และแรงหนุนจากสถาบัน
Spot Bitcoin ETFs ในสหรัฐฯ ดันเงินไหลเข้าแตะ 3 พันล้านดอลลาร์เป็นสัปดาห์แรกในหลายเดือน