ยุโรดิจิทัลจะสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในไม่ช้านี้
ธนาคารกลางยุโรปได้ออกมาประกาศถึงความก้าวหน้าของโครงการยุโรดิจิทัลของพวกเขา โดยระบุว่าในอีกไม่กี่อึดใจ e-Euro ของพวกเขานั้นก็จะใช้งานได้อย่างเป็นทางการแล้ว
ธนาคารกลางยุโรปได้ออกมาประกาศถึงความก้าวหน้าของโครงการยุโรดิจิทัลของพวกเขา โดยระบุว่าในอีกไม่กี่อึดใจ e-Euro ของพวกเขานั้นก็จะใช้งานได้อย่างเป็นทางการแล้ว
สมภูมิการแข่งขันในการสร้างสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด โดยล่าสุดธนาคารกลางยุโรป หรือ European Central Bank (ECB) ได้ระบุว่ายุโรดิจิทัลของพวกเขาอาจสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในเขตอำนาจศาลของตนในไม่ช้า เนื่องจากความคืบหน้าในการศึกษาโครงการริเริ่มดังกล่าว
ยุโรดิจิทัลใกล้ความจริงเข้ามาทุกที
ในวันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา Fabio Panetta สมาชิกคณะบริหารของธนาคารกลางยุโรป ได้เป็นผู้ประกาศผลลัพธ์เบื้องต้นของการสร้างสกุลเงินดิจิทัลในเขตแดนยูโร โดยขณะนี้ ECB กำลังดำเนินการศึกษาในการตรวจสอบความเป็นไปได้ที่จะให้สถานะยูโรดิจิทัลในการชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งเขานั้นได้อธิบายว่าเราทั้งหลายไม่ควรมองข้ามการทำให้ CBDC นั้นมีสถานะในการชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเลยแม้แต่น้อย
ทั้งนี้เขายังระบุว่า การที่สกุลเงินดิจทัลของธนาคารกลางนั้นสามารถยืนอยู่ในสถานะดังกล่าวจะทำให้ภาครัฐกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือตัวเลือกการชำระเงินอื่น ๆ ที่นำเสนอโดยบริษัทเอกชน และช่วยให้สาธารณชนเข้ามาใช้งานได้ในวงกว้างขึ้นอีกด้วย
“มันค่อนข้างจะแปลกประหลาดหากเราไม่ทำให้ตราสารชนิดใหม่ที่ถูกออกโดยธนาคารกลางเหล่านี้มีความสามารถในการชำระหนี้ตามกฎหมายได้”
นอกจากนี้ทาง ECB ยังทำการศึกษาวิจัยในด้านอื่น ๆ ควบคู่กับประเด็นข้างต้นนี้ไปด้วย โดยพวกเขากำลังตรวจสอบความสามารถของ CBDC กับการใช้จ่ายใจร้านค้าปลีกในยุโรป ทั้งยังมองถึงกรณีศึกษาการใช้งานจริง และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคทั้ง Front-end และ Back-end อีกด้วย
CBDC ยังคงมีอุปสรรคอยู่พอสมควร
แม้ฝ่ายธนาคารกลางยุโรปจะมองว่า CBDC จะสามารถแซงชนะเหล่าสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ที่เอกชนเป็นผู้ให้บริการได้ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะในขณะเดียวกันทาง Elvira Nabiullina ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย ก็ได้ออกมาระบุถึงความสำคัญของการสร้างความไว้วางใจให้แก่บุคคลในสังคมที่พวกเขาจะมีต่อเงินดิจิทัล และยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแปลงเงิน Fiat เป็นเงินดิจิทัลแบบไร้รอยต่อเพื่อความไม่ซับซ้อนในการใช้งานอีกด้วย
นอกจากนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทางการเงินทั้งหลายต่างก็เชื่อว่า ผู้บริโภคจำนวนมากอาจจะหลีกเลี่ยงการใช้งาน CBDC หากพวกเขามองว่าวิธีการชำระเงินรูปแบบอื่น ๆ เช่น บัตรเครดิต และการใช้จ่ายผ่านแอป หรือแม้แต่ตัวเลือกใหม่ ๆ เช่น Stablecoins นั้นทำงานได้ดียิ่งกว่า
ด้วยความซับซ้อนที่ว่าเหล่านี้ จึงไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกใจเลย ที่ธนาคารกลางยุโรป ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นแนวหน้าของโลกวางแผนว่าจะใช้เวลาถึงห้าปีในการดำเนินการเรื่องเหล่านี้