ผู้คนควรตื่นตัวกับการปกป้องกระเป๋าเงิน Crypto จากการโจมตีด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัม
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์คาดการณ์ว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถก้าวหน้าพอที่จะทำลายกำแพงความปลอดภัยของ Crypto ภายในหนึ่งทศวรรษ นั่นทำให้การใช้ Digital Signature เพื่อเข้าถึงบัญชีการเงินอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากการแฮ็ก
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์คาดการณ์ว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถก้าวหน้าพอที่จะทำลายกำแพงความปลอดภัยของ Crypto ภายในหนึ่งทศวรรษ นั่นทำให้การใช้ Digital Signature เพื่อเข้าถึงบัญชีการเงินอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากการแฮ็ก
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ออกมาเตือนให้เหล่านักลงทุนเตรียมการณ์ด้านการรักษาความปลอดภัยกระเป๋าเงิน Crypto สุดรักของพวกเขาไว้ให้ดี โดยระบุว่า ในที่สุดคอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum Computer) จะสามารถเจาะกำแพงความปลอดภัยของ Crypto ได้ แม้ว่าเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ควอนตัมยังคงพัฒนาอยู่ก็ตาม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถก้าวหน้าพอที่จะทำลายความปลอดภัยการเข้ารหัสของสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงกระเป๋าเงิน Bitcoin ภายในหนึ่งทศวรรษเท่านั้น
ทั้งนี้ทางผู้เชี่ยวชาญก็ได้อธิบายถึงสาเหตุการเจาะระบบดังกล่าว โดยว่าบริการทางการเงินของโลกส่วนใหญ่มักจะใช้ระบบรหัสแบบอสมมาตร (Asymmetric Cryptography) ซึ่งโดยทั่วไปบุคคลปกติก็จะมีกุญแจ 2 ดอก คือ กุญแจส่วนตัว (Private Key) และกุญแจสาธารณะ (Public Key) เพื่อเข้าถึงบริการดิจิทัล เช่น อีเมล หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล และตรวจสอบโดยลายเซ็นดิจิทัลในบัญชีผู้ติดต่อ ซึ่งด้วยเทคนิคของลายเซ็นดิจิทัล เช่น การสร้างลายเซ็นดิจิทัลตามคณิตศาสตร์ของเส้นโค้งรูปไข่ หรือ Elliptic Curve Digital Signing Algorithm (ECDSA) อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้แฮ็กเกอร์ที่มีคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถปลอมแปลงลายเซ็นดิจิทัล และสูบเงินจากกระเป๋าเงินดิจิทัลได้ในเวลาต่อมานั่นเอง
“ทุกสถาบันการเงิน ทุกการ Login บนโทรศัพท์ของคุณ ทั้งหมดนี้ใช้การเข้ารหัสแบบอสมมาตร ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัม” Fred Thiel ซีอีโอของ Marathon Digital Holdings ผู้เชี่ยวชาญด้านการขุด Cryptocurrency กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญก็บอกอีกพวกไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพราะทั่วโลกยังมีเวลาเตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับมือ ซึ่งทาง Nic Carter หุ้นส่วนผู้ก่อตั้ง Castle Island Ventures ก็ได้ชี้ให้เห็นว่าการทลายเติบโตของเทคโนโลยีควอนตัมจะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าจะเกิดขึ้นแบบฉับพลัน
“มันจะไม่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน เราจะมีคำเตือนล่วงหน้ามากมายหากการคำนวณควอนตัม (เคย) โตจนเต็มที่ และความซับซ้อนที่มันเริ่มคุกคามพื้นฐานการเข้ารหัสลับหลักของเรา”
Thiel อธิบายเพิ่มเติมว่าสถาบันวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) ในสหรัฐอเมริกาก็กำลังทำงานเกี่ยวกับมาตรฐานใหม่สำหรับการเข้ารหัสเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบ Quantum-proof