ตลาดคริปโตกำลังกลัวสุดขีด! ดัชนี Crypto Fear and Greed แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน

เมื่อวานนี้ในวันที่ 8 มกราคม ราคาบิทคอยน์ (BTC) ลดลงสู่ 40,517 ดอลลาห์สหรัฐ นอกจากนี้ดัชนี Crypto Fear & Greed (CFGI) ยังแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นอยู่ในระดับที่กลัวสุดขีด (extreme fear) ที่ระดับ 10 ครั้งล่าสุดที่ CFGI ต่ำขนาดนี้คือเมื่อ 171 วันที่ผ่านมาในวันที่ 21 กรกฎาคม 2021

ตลาดคริปโตกำลังกลัวอย่างสุดขีด ราคาบิทคอยน์ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาล 39%

มูลค่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีหายไปกว่านับพันล้านดอลลาห์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และบิทคอยน์ (BTC) สกุลเงินดิจิทัลชั้นนำร่วงลงเกือบ 10% ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา และในวันเสาร์ที่ผ่านมา ราคาได้แตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายน 2020 ที่ 40,517 ดอลลาห์ต่อเหรียญเลยทีเดียว

นอกจากนี้ปริมาณการซื้อขายทั่วโลกได้ลดลงอย่างมาก ปริมาณการซื้อขายของ Bitcoin ในวันเสาร์อยู่ที่ประมาณ 23.6 พันล้านดอลลาร์ คู่ซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดของ BTC คือ Tether (USDT) ซึ่งคิดเป็น 61.46% ของการซื้อขายทั้งหมดในปัจจุบัน ตามด้วย USD (14.73%), BUSD (6.79%), KRW (3.64%), JPY (3.27%) และ EUR (3.21%)

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคา BTC ซื้อขายอยู่ในระหว่าง 40,517.66 ถึง 42,702.09 ดอลลาร์ ดัชนี Crypto Fear & Greed (CFGI) ระบุว่าตัวเลขได้ลดลงไปสู่ระดับ 10 ซึ่งชี้ให้เห็นถึง “ความกลัวอย่างสุดขีด” (extreme fear) เครื่องมือดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์อารมณ์และความเชื่อมั่นจากแหล่งต่าง ๆ อย่างคร่าว ๆ

ดัชนี CFGI ไม่ได้ลดลงต่ำขนาดนี้นับตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2021 หรือประมาณ 171 วันที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วความเชื่อมั่นอยู่ที่ 21 และ 30 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29

ปัจจุบัน bitcoin (BTC) ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2022 BTC เพิ่มขึ้นเพียง 6.4% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม BTC ลดลง 39% นับตั้งแต่สูงสุดตลอดกาล (ATH) เมื่อสองเดือนที่แล้วในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 อย่างไรก็ตาม Bitcoin เพิ่มขึ้น 61,932.6% ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2013 หรือเมื่อแปดปีที่แล้วเมื่อราคาอยู่ที่ 67.81 ดอลลาร์ต่อเหรียญ .

ในขณะที่รายงาน ราคา BTC ซื้อขายอยู่ที่ 41,652 ดอลลาห์ โดยลดลง 1% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และลดลงถึง 13.1% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาอีกด้วย ราคาได้ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดตลอดกาล (ATH) ถึง 39% อย่างไรก็ตาม ราคาได้พุ่งขึ้นมากถึง 61,932.6% นับตั้งแต่ 6 กรกฎาคม 2013 ซึ่งในขณะนั้นซื้อขายอยู่ที่ 67.81 ดอลลาห์ต่อเหรียญเท่าน้ัน 

ความต้องการในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงลดลง?

ตลาดคริปโตเจอกับข่าวร้าย ๆ ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็นข่าวการค้นพบเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ เหตุการณ์ความไม่สงบในคาซัคสถานซึ่งเป็นศูนย์กลางการขุดบิทคอยน์ที่สำคัญ แต่สิ่งที่ส่งผลกระทบตามมามากที่สุดก็คือมุมมองสายเหยี่ยวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นั่นเอง

เมื่อวันพุธที่แล้ว เฟดได้เผยแพร่รายงานการประชุมเมื่อกลางเดือนธันวาคม โดยระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น และมีการเคลื่อนไหวเพื่อลดงบดุล

ตลาดได้ตอบสนองจากข่าวดังกล่าว ทำให้ราคา Bitcoin ลดลง 10% ในวันนั้นทันที ดัชนี Nasdaq ก็ได้ร่วงลงอย่างรุนแรงที่สุด นักวิเคราะห์สรุปว่านักลงทุนต้องการลดการเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง

บิทคอยน์จะพุ่งขึ้นไปถึง 100,000 ดอลลาห์หรือไม่?

แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืม อาจทำให้นักลงทุนต้องการลดการเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง แต่ Mike McGlone นักกลยุทธ์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสของ Bloomberg กลับไม่เห็นด้วยกับความเห็นข้างต้น

เขากล่าวว่า แทนที่ความต้องการจะลดลงสถานะของบิทคอยน์ในฐานะที่เป็น "สินทรัพย์สำรองดิจิทัล" มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ตรงกันข้าม

“Bitcoin เป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่มีพัฒนาการเป็นสินทรัพย์สำรองดิจิทัลของโลก และสิ่งนี้มีผลในเชิงบวกต่อราคา”

นอกจากนี้ McGlone ยังคงคาดการณ์ราคา BTC ไว้ที่ 100,000 ดอลลาร์ในปี 2022 อีกด้วย ซึ่งคงต้องจับตาดูต่อไปว่าจะไปถึงหรือไม่

DISCLAIMER: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง มุมมองและความคิดเห็นจากผู้เขียนมีวัตถุประสงค์เพื่อในการให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้เป็นการให้ข้อมูลทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่น ๆ ใด นักลงทุนควรศึกษาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันและมีการควบคุมความเสี่ยงอยู่เสมอ