ชี้โลกร้อนเพราะจีนแบนนักขุดเหมืองคริปโต
งานวิจัยเผย การที่จีนแบนนักขุดเหมืองคริปโตเป็นตัวการสำคัญให้เกิดภาวะโลกร้อน
งานวิจัยเผย การที่จีนแบนนักขุดเหมืองคริปโตเป็นตัวการสำคัญให้เกิดภาวะโลกร้อน
สืบเนื่องจากการทลายแหล่งขุดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี่ในประเทศจีน ตอนนี้นักวิจัยเริ่มพบแล้วว่า การที่นักขุดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี่ได้แห่ออกจากประเทศจีนนั้น มีส่วนทำให้มีก๊าซคาร์บอนที่มาจากการขุดเหมืองบิทคอยน์เพิ่มมากขึ้น
เผยงานวิจัย จีนแบนนักขุดเหมืองคริปโตเป็นต้นเหตุให้เกิดโลกร้อน
ย้อนกลับในช่วงปี 2017 ประเทศจีนได้เดินหน้าแบนทุกอย่างอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องของคริปโต สำหรับรัฐบาลจีนแล้วมองว่า การขุดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี่ถือเป็นกระบวนการทำลายสิ่งแวดล้อม จึงเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับประเทศจีนหากใครก็ตามที่ได้ทำการขุดเหมืองคริปโต สอดคล้องกับงานวิจัยที่ได้มีการระบุว่า การใช้พลังงานทดแทนจากการขุดเหมืองคริปโตนั้น ลดน้อยลงจาก 42 % ลงมาเหลือที่ 25 % ในช่วงเดือนสิงหาคมของปีที่ผ่านมา
มีการประเมินว่า การขุดเหมืองบิทคอยน์มีการผลิตก๊าซคาร์บอนมากถึง 65 เมกะตอนด้วยกัน ตัวอย่างเช่นในประเทศกรีกนั้น ได้มีการขุดเหมืองคริปโตและมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนขึ้นสู่อากาศมากเกินไป
การขุดเหมืองคริปโตทำให้โลกเป็นสีเขียวน้อยลง
เรื่องนี้ทางด้าน Alex de Vires ผู้ทำวิจัยได้บอกกับทางสำนักข่าว BBC เอาไว้ว่า ตอนนี้โครงข่ายการขุดเหมืองคริปโตทำให้โลกกลายเป็นสีเขียวน้อยลง และเขายังกล่าวเรื่องนี้กับทางสำนักข่าว Bloomberg เอาไว้ว่า การที่บริษัทขุดเหมืองคริปโตหลายแห่งได้ถอนทัพออกจากประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศคาซัคสถานนั้น ทำให้มีการใช้พลังงานทดแทนน้อยลง ซึ่งการขุดเหมืองบิทคอยน์ทำให้บริเวณนั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงและเพิ่มคาร์บอนประมาณ 17 %
โดยประเทศสหรัฐอเมริกานั้น เผชิญกับการใช้พลังงานในรูปแบบของเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ก๊าซธรรมชาติ ทำให้มีการใช้พลังงานทดแทนในสัดส่วนที่น้อยลง และในช่วงที่ผ่านมาประเทศคาซัคสถานเจอกับการใช้พลังงานไฟฟ้ามากความจำเป็น จนต้องมีการใช้ถ่านหินชนิดแข็งเข้ามาพยุงพลังงานไฟฟ้า