BlackRock พร้อมที่จะขยายการบริการในด้าน Blockchain

บริษัท BlackRock Financial Management Inc. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริการในด้านการจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยบริษัทดังกล่าวนั้นมีมูลค่าสูงถึง 7.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นพร้อมที่จะขยายการบริการในด้าน Blockchain และสินทรัพย์ดิจิทัล

แนวโน้มดังกล่าวได้อ้างอิงตามประกาศการรับสมัครพนักงานใหม่ที่ทางบริษัทกำลังรับสมัครตำแหน่งรองประธาน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้นำด้าน Blockchain และทำงานที่สำนักงานในนิวยอร์ก โดยผู้ที่ได้รับการว่าจ้างในตำแหน่งนี้จะได้รับมอบหมายให้สร้าง และใช้ "กลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อผลักดันความต้องการของทางบริษัท" รวมทั้ง "เพิ่มคุณค่า [... ] ของการลงทุน และการนำเสนอเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ ของบริษัท "

จากประกาศข้างต้น ได้มีการระบุคุณสมบัติของผู้สมัครว่าจะต้องมีประสบการณ์อย่างน้อยหนึ่งปีในธุรกิจ Blockchain รวมถึงต้องมความรู้ในด้าน "ฟังก์ชันแฮชเข้ารหัส (Cryptographic hash function), ระบบ Distributed network consensus mechanisms และการเข้ารหัสลับแบบกุญแจอสมมาตร (Public-key cryptography) "

แม้ว่าในประกาศรับสมัครงาน จะไม่ได้ระบุผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain ใด ๆ ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาของทางบริษัท แต่ก็เป็นไปได้ว่า BlackRock กำลังวางตำแหน่งของตัวบริษัทเองเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของนักลงทุนจากสถาบันต่าง ๆ ในสินทรัพย์ดิจิทัล

อะไรที่ “อาจจะ” เป็นเบื้องหลังการตัดสินใจในครั้งนี้

ตามที่ Forbes รายงานเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ มีหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังเผ่นหนีจากการลงทุนแบบระยะยาวของ BlackRock เพื่อหันไปหากองทุน Crypto ที่เสนอโดย Grayscale และบริษัทอื่น ๆ โดยนี่เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของสถาบันต่าง ๆ ที่เปิดกว้างมากขึ้นต่อ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหลาย

หลังจากความสงสัยในช่วงแรก ทางผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ของบริษัท BlackRock ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงบวกเกี่ยวกับ Bitcoin และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง โดย Larry Fink ซีอีโอของทางบริษัท กล่าวว่า Bitcoin ได้ “ดึงดูดความสนใจ และจินตนาการของคนจำนวนมาก” รวมถึงคนที่ทำงานที่ BlackRock

Rick Rieder ประธานฝ่ายสารสนเทศของรายได้คงที่ของบริษัท BlackRock กล่าวว่า Bitcoin ไม่ได้เข้ามาเพื่อแสดงตัวตนเพียงอย่างเดียวแต่จะ “เข้ามาแทนที่ทองคำ ในขอบเขตที่ใหญ่ขึ้น”

BlackRock มีการครอบครองทางอ้อมต่อ Bitcoin ผ่านการถือหุ้น MicroStrategy ซึ่งเป็นบริษัทข่าวกรองธุรกิจที่หลังจากการทุ่มทุนซื้ออย่างหนักในปีนี้ ทำให้พวกเขามี Bitcoin ทั้งสิ้น 70,470 BTC ภายในมือ