CEO ของ BitMEX เผยว่า จะมีอีก 5 ประเทศที่ตามรอยเอลซัลกวาดอร์ ในการยอมรับบิทคอยน์ให้ถูกกฎหมาย
Alexander Höptner ซีอีโอของ BitMEX เผยว่า จะมีอีกอย่างน้อย 5 ประเทศที่เดินรอยตามเอลซัลกวาดอร์ ในการยอมรับให้บิทคอยน์ถูกต้องตามกฎหมาย ท่ามกลางระบบการเงินโลกที่ไม่เท่าเทียม
Alexander Höptner ซีอีโอของ BitMEX เผยว่า จะมีอีกอย่างน้อย 5 ประเทศที่เดินรอยตามเอลซัลกวาดอร์ ในการยอมรับให้บิทคอยน์ถูกต้องตามกฎหมาย ท่ามกลางระบบการเงินโลกที่ไม่เท่าเทียม
Alexander Höptner ซีอีโอของแพลตฟอร์มซื้อขายยักษ์ใหญ่ BitMEX ได้เผยว่า จะมีอีกหลายประเทศที่เดินรอยตามเอลซัลกวาดอร์ ในการยอมรับให้บิทคอยถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเขาคาดว่าจะมีอย่างน้อย 5 ประเทศเลยทีเดียว
เมื่อเดือนที่ผ่านมา เอลซัลกวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ประกาศให้ “บิทคอย” เป็นสกุลเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์นี้กลายเป็นที่ฮือฮาทั้งโลก และถูกโจมตีมากมายจากตะวันตก
ธนาคารโลก (World Bank) ได้ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศเอลซัลกวาดอร์ โดยอ้างถึงเรื่องความโปร่งใสและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขุดสกุลเงินดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทจัดอันดับอย่าง Moody’s ได้ปรับลดอันดับเรตติ้งของเอลซัลกวาดอร์ลง รวมถึงสื่อตะวันตกอย่าง Financial Times และ Wall Street Jounal ที่โจมตีว่า นี่เป็นเพียงการพนันที่อันตรายและการหลอกลวงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นาย Alexander Höptner ได้ชื่นชมการตัดสินใจที่กล้าหาญของประธานาธิบดีหนุ่มของประเทศเอลซัลกวาดอร์อย่าง Nayib Bukele
ซีอีโอชื่นชมการตัดสินใจของ Bukele
อย่างไรก็ตาม Höptner ได้แสดงออกแตกต่างจากสื่อรายอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ซีอีโอได้ระบุในบล็อกโพสว่า ท่ามกลางระบบการเงินโลกที่ไม่เท่าเทียม ผู้ที่สูญเสียมากที่สุดจากระบบที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้พวกเขาต้องทำเพื่อตัวเอง และหาหนทางเลือกใหม่ เช่น Bitcoin
นอกจากนี้เขายังคาดการณ์ว่า ภายสิ้นปีหน้า เราจะได้เห็นอย่างน้อย 5 ประเทศที่ยอมรับ BTC ให้เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และประเทศเหล่านี้ทั้งหมดจะเป็นกระเทศกำลังพัฒนา แม้เขาจะไม่ได้ระบุว่าเป็นประเทศใดบ้าง แต่เขามองว่าประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศจะเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโตในปี 2022
“My prediction is that by the end of next year, we’ll have at least five countries that accept Bitcoin as legal tender. All of them will be developing countries. [...] I think developing countries will jump into crypto in 2022.”
เหตุใดประเทศกำลังพัฒนามีโอกาสยอมรับบิทคอยน์มากขึ้น?
ประการแรก ประโยชน์ในด้านการโอนเงิน
ประเทศกำลังพัฒนาหลาย ๆ ประเทศต้องพึ่งพาการโอนเงินเป็นจำนวน บางคนต้องไปหางานทำต่างประเทศและต้องโอนเงินกลับประเทศให้ครอบครัวของตน พวกเขาเหล่านี้ต้องเผชิญกับปัญหาในเรื่องการค่าธรรมเนียมที่สูง จึงไม่แปลกที่พวกเขาต้องการทางเลือกใหม่ที่มีต้นทุนต่ำลง ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการโอนเงินที่ถูกลง
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการด้านการเงินอย่าง Western Union ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ใช้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และการโอนเงินจะสำเร็จในวันทำการถัดไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่บิทคอยน์ ซึ่งมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยและการทำธุรกรรมที่รวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง จะกระตุ้นความสนใจของประเทศต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาการโอนเงินเช่นนี้
ประการที่สอง เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในประเทศกำลังพัฒนาจะแตะ 5.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นสองเท่าของตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ในประเทศที่ร่ำรวย สิ่งนี้ทำให้ผู้คนแสวงหาสินทรัพย์อื่นแทนสกุลเงิน fiat ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และสกุลเงินดิจิทัลจึงเป็นทางเลือกของพวกเขา เนื่องจากอุปทานที่จำกัดของเหรียญเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น
ประการที่สาม คะแนนทางการเมือง
ซีอีโอของ BitMEX เผยว่า ผู้นำระดับโลกล้วนต้องการวางตัวให้เป็นคนที่มีความคิดก้าวหน้า ประชานิยม และพร้อมที่จะก้าวสู่ยุคใหม่ จึงอาจทำให้มีการออกแถลงการณ์ทางการเมืองด้วยการนำนโยบายที่คล้ายคลึงกับ Bukele มาใช้
อย่างไรก็ตาม นาย Höptner ระบุว่า ความล้มเหลวของผู้นำในขั้นตอนการดำเนินการ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีในวงกว้างด้วยเช่นกัน และนั่นอาจทำให้เกิดภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และอันตรายอย่างยิ่ง
“Any failings by leaders in the implementation phase may hurt wider adoption of cryptocurrencies in general. That’s the dangerous dilemma that lies ahead.”
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ประเทศใดที่จะเป็นประเทศต่อไปที่เดินรอยตามเอลซัลกวาดอร์ ซึ่งทางคริปโตสยามจะรายงานให้ทราบต่อไป