Fidelity ชี้! อุปทาน Bitcoin เข้าสู่ยุคตึงตัว สถาบัน-รายใหญ่หนุนราคาพุ่ง

Fidelity Digital Assets เปิดเผยรายงานล่าสุดที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญของโครงสร้างอุปทาน Bitcoin หลังการ Halving ครั้งล่าสุดในปี 2024 โดยข้อมูลระบุว่า จำนวน Bitcoin ที่อยู่ในหมวด “Ancient Supply” หรือเหรียญที่ถูกถือไว้นานกว่า 10 ปี กำลังเพิ่มขึ้นในอัตรา 550 BTC ต่อวัน ซึ่งสูงกว่าจำนวน Bitcoin ที่ถูกขุดใหม่ในแต่ละวันซึ่งอยู่ที่ 450 BTC

เทรนด์ดังกล่าวสะท้อนความมั่นใจระยะยาวของผู้ถือครอง พร้อมกับการสะสม Bitcoin จากนักลงทุนสถาบันที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญว่า ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้จะผลักดันราคา Bitcoin ไปสู่ $1,000,000 ได้หรือไม่

Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์หายากมากขึ้น

ข้อมูลจากรายงานระบุว่า ปัจจุบันมี Bitcoin จำนวนกว่า 3.4 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 17% ของอุปทานทั้งหมด ที่ถูกจัดอยู่ในหมวด Ancient Supply คิดเป็นมูลค่าประมาณ $360,000 ล้าน ที่ราคา $107,000 ต่อ BTC

Fidelity คาดการณ์ว่า สัดส่วนของเหรียญในกลุ่มนี้อาจเพิ่มเป็น 20% ภายในปี 2028 และแตะ 25% ในปี 2034 ซึ่งจะทำให้จำนวนเหรียญที่หมุนเวียนในระบบลดลงอีกในระดับที่มีนัยสำคัญ

ในขณะเดียวกัน Bitwise รายงานว่า เงินทุนจากนักลงทุนสถาบันที่ไหลเข้าสู่ตลาด Bitcoin อาจแตะ $120,000 ล้านในปี 2025 และเพิ่มขึ้นเป็น $300,000 ล้านในปี 2026 ในสถานการปกติ (Base Case)

ในกรณีมุมมองเชิงบวก (Bull Case) Bitwise ประเมินว่า การเข้าลงทุนจากประเทศที่เปลี่ยนการถือครองจากทองคำสัดส่วนประมาณ 5% มาสู่ Bitcoin รวมถึงเข้าซื้อของรัฐในสหรัฐฯ แพลตฟอร์มจัดการสินทรัพย์ และการเพิ่มการถือครองจากบริษัทจดทะเบียน อาจผลักดันให้มีเงินไหลเข้าสูงถึง $426,000 ล้าน คิดเป็นการดูดซับอุปทานมากกว่า 4 ล้าน BTC หรือประมาณ 19% ของเหรียญทั้งหมดในตลาด

เส้นทางสู่ $1 ล้าน เริ่มชัดขึ้น

หาก Bitcoin จะมีมูลค่าตลาดที่สามารถผลักดันราคาไปแตะ $1,000,000 ต่อเหรียญได้ อุปทานทั้งหมดจะต้องมีมูลค่ารวมราว $21 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเติบโตประมาณ 10 เท่าจากมูลค่าปัจจุบันที่ราว $2.1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้มีการขุดแล้วประมาณ 94.66% ของอุปทานสูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ

ข้อมูลในอดีตหลังการ Halving ในปี 2013, 2017 และ 2021 แสดงให้เห็นว่าราคา Bitcoin มักเข้าสู่ช่วงขาขึ้น จากอัตราการเติบโตของอุปทานที่ลดลง ขณะที่ความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับโครงสร้างของตลาดในปัจจุบัน

ปัจจัยเสี่ยงยังมี แม้ภาพรวมยังหนุนราคาในระยะยาว

แม้แนวโน้มจะดูแข็งแกร่ง แต่ตลาดก็ยังไม่ปราศจากความเสี่ยง โดยหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 พบว่า Bitcoin ที่อยู่ในกลุ่ม Ancient Supply ถูกขายออกใน 10% ของจำนวนวันทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตถึง 4 เท่า ขณะที่เหรียญในกลุ่มที่ถือเป็นระยะเวลานานกว่า5 ปี ถูกขายออกถึง 39% ของวันหลังเลือกตั้ง

พฤติกรรมนี้สะท้อนว่า แม้ผู้ถือระยะยาวจะมีความเชื่อมั่น แต่ความผันผวนของตลาดก็ยังสามารถกระตุ้นให้พวกเขาสามารถขายออกมาได้ ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันต่อการปรับขึ้นของราคาในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม Bitwise ยังระบุว่า มีแนงซื้อที่ยังไม่ได้เข้ามาในตลาดมากถึง $35,000 ล้านในปี 2024 เนื่องจากข้อจำกัดจากนโยบายความเสี่ยงของ Morgan Stanley และ Goldman Sachs ที่บริหารสินทรัพย์รวมกันกว่า $60 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่ได้เปิดไฟเขียวให้สามารถลงทุนใน Bitcoin ได้โดยตรง

ในกรณีสถานการณ์ตลาดที่แย่ที่สุด (ฺBear Case) Bitwise ยังคงคาดการณ์ว่าจะมีเงินไหลเข้าสู่ Bitcoin อย่างน้อย $150,000 ล้าน และหากเป็นกรณีที่ดีที่สุด ตัวเลขอาจทะลุ $426,000 ล้าน ซึ่งเป็นการเข้าซื้อมากกว่า 4.27 ล้าน BTC 

เมื่อพิจารณาจากทั้งอัตราการเพิ่มขึ้นของอุปทานเหรียญที่ไม่หมุนเวียน การสะสมจากกลุ่มผู้ที่ถือครองมานานกว่า 10 ปี และกระแสเงินทุนสถาบันที่รอจังหวะเข้าตลาด ภาพรวมของ Bitcoin ในปัจจุบันยังคงสะท้อนถึงอนาคตที่สดใส

อ้างอิง : Cointelegraph