Bitcoin กำลังเคลื่อนไปสู่ “มือที่แข็งแกร่ง” เนื่องจากเหล่านักลงทุนรายย่อยมีกำลังที่เพิ่มขึ้น
สกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของตลาดอย่าง Bitcoin (BTC) นั้นแทบจะไม่เคลื่อนที่ไปไหนไกลมานานกว่าสองเดือนแล้ว แต่นั้นก็ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของเหล่านักลงทุนรายย่อยว่าพวกเขานั้น Hodl เอาไว้สุดกำลังแค่ไหน
สกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของตลาดอย่าง Bitcoin (BTC) นั้นแทบจะไม่เคลื่อนที่ไปไหนไกลมานานกว่าสองเดือนแล้ว แต่นั้นก็ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของเหล่านักลงทุนรายย่อยว่าพวกเขานั้น Hodl เอาไว้สุดกำลังแค่ไหน
สกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของตลาดอย่าง Bitcoin (BTC) นั้นกำลังตกอยู่ในสถานะ “แกว่ง” มานานกว่าสองเดือนแล้ว โดยเราสามารถพิจารณาได้จากสภาวะ Stagnation หรืออัตราความเจริญเติบโตที่อยู่ในสภาวะไม่น่าพึงพอใจในช่วงระดับราคา 30K ถึง 40K ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสถานการณ์นี้นั้นเกิดจากปัจจัยหลัก 2 ประการด้วยกัน นั่นก็คือ
- ความผันผวนที่ลดต่ำลง
- การปราบปรามการขุด Crypto ที่รุนแรงโดยทางการจีน
นอกจากนี้การต่อสู้ระหว่าง “ผู้ถือครองระยะยาว” และ “ผู้ถือครองระยะสั้น” ก็มีส่วนที่ทำให้สกุลเงินดิจิทัลเบอร์ 1 นั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่ผู้ถือ BTC ระยะยาวยังคงแห่สะสมเหรียญ เหล่านักลงทุนระยะสั้นก็ต่างเทขายต่อไปเรื่อย ๆ นั่นจึงส่งผลให้มูลค่าของสินทรัพย์เกิดทางตันนั่นเอง
Bitcoin Hodlers กำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คริปโตอย่าง Will Clemente เชื่อว่า BTC กำลังเคลื่อนไปสู่มือที่แข็งแกร่ง เนื่องจาก Supply Shock หรือต้นทุนต่อเหรียญนั้นเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 50K - 60K ดอลลาร์
*Strong Hands หรือมือที่แข็งแกร่ง เป็นคำศัพท์ที่สามารถอ้างถึงเหล่านักลุงทุนที่ถือครองสินทรัพย์ไปเรื่อย ๆ แม้จะประสบสภาวะขาดทุนก็ตาม เนื่องจากพวกเขามองเห็นคุณประโยชน์ของสินทรัพย์นั้น ๆ ในอนาคตมากกว่าแค่การเก็งกำไร*
นอกจากนี้ตามที่นักวิเคราะห์ Crypto อย่าง Willy Woo ก็มองไปในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า
“บิทคอยน์นั้นยังคงมีแนวโน้มการกระจายกันอย่างเท่าเทียมมาตลอด 12 ปี โดย ณ ตอนนี้เหล่าผู้ถือรายย่อยกำลังมีกำลังที่เพิ่มขึ้น”
เราไม่สามารถมองข้ามนักลงทุน Bitcoin รายย่อยได้อีกต่อไป
จากข้อมูลข้างบนทำให้เราสรุปได้ว่า เรานั้นไม่สามารถมองข้ามเหล่า Hodler รายย่อยได้อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากพวกเขาได้ขาย BTC รวมกว่า 428,749 BTC ในเดือนพฤษภาคม และซึ่งการถือครองของรายย่อยก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้บิทคอยน์พุ่งขึ้นจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 64.8K ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนเมษายน นั่นเอง
นอกจากนี้การที่ถูกเหล่านักลงทุนรายย่อยเทขาย ได้ทำให้ในวันที่ 19 พฤษภาคม BTC มูลค่าลดลง 30% ในวันเดียว ทำให้ต่ำกว่าตัวบ่งชี้ MA 200 วัน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว และท้ายที่สุด นั้นทำให้ผลกำไรของ BTC ในมือเหล่า Hodlers ทั้งหลายลดลงไป 43% จากระดับสูงสุดตลอดกาล (ATH) ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้หลายต่อหลายคนยิ่งถือครองกันอย่างหนักแน่นขึ้น และเกิดความผันผวนต่ำในตลาดนั่นเอง โดยตัวเลข ณ ปัจจุบัน ระบุว่า ปริมาณการซื้อขาย Crypto ในการแลกเปลี่ยนลดลงมากกว่า 40% ในเดือนมิถุนายน เลยทีเดียว