Bitcoin ฟื้นตัวแตะ 105,000 ดอลลาร์ แต่หลายฝ่ายกังวลอาจเป็นแค่ “กับดัก” ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
ตลาดคริปโตยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หลัง Bitcoin ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ก่อนดีดกลับขึ้นมาใกล้ 105,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามต่อภาวะเศรษฐกิจ การใช้เลเวอเรจเกินตัว และความโปร่งใสของผู้ดูแลสินทรัพย์

ตลาดคริปโตยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หลัง Bitcoin ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ก่อนดีดกลับขึ้นมาใกล้ 105,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามต่อภาวะเศรษฐกิจ การใช้เลเวอเรจเกินตัว และความโปร่งใสของผู้ดูแลสินทรัพย์
ราคาของ Bitcoin ปรับตัวขึ้นแตะระดับใกล้ 105,000 ดอลลาร์ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ หลังจากร่วงลงแรงแตะ 100,430 ดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนว่าอาจมีแรงขายเกิดขึ้นในตลาด
หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า การดิ่งลงของราคาครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ หลังมีรายงานว่า Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ Xi Jinping ประธานาธิบดีจีน กลับมาเปิดการเจรจาเรื่องภาษีนำเข้าอีกครั้ง
แม้เหตุผลเบื้องหลังการร่วงของ Bitcoin เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน อาจไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่มีปัจจัยหลายประการที่ถูกพูดถึง ทั้งความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย ความคลุมเครือเกี่ยวกับการสำรอง Bitcoin ของรัฐบาลสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมการ “จำนำซ้อน” (Re-Hypothecation) ของผู้ดูแลสินทรัพย์
ในสภาวะที่ยังมีปัจจัยเชิงลบเหล่านี้ การที่ Bitcoin จะฟื้นกลับไปยืนเหนือระดับ 110,000 ดอลลาร์ได้ในระยะสั้นจึงดูเป็นเรื่องยาก
เลเวอเรจสูงเกินตัวและ “กับดักตลาดกระทิง” จุดชนวนราคาร่วง
SuperBitcoinBro นักวิเคราะห์บนแพลตฟอร์ม X ระบุว่า การร่วงลงของ Bitcoin ส่วนหนึ่งเกิดจากนักลงทุนที่ใช้เลเวอเรจมาเกินไป โดยเฉพาะหลังเกิดการปิดสถานะของ “Hyperliquid Whale” รายหนึ่งที่ชื่อว่า James Wynn ซึ่งขาดทุนไปกว่า 100 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์
SuperBitcoinBro อธิบายเพิ่มเติมว่า นักลงทุนจำนวนมากคาดหวังให้ราคา Bitcoin ดีดตัวทันทีหลังร่วงแรง แต่กลับถูกหลอกโดยกลยุทธ์ที่เรียกว่า “Bull Trap” หรือ “กับดักตลาดกระทิง” ซึ่งใช้ความมั่นใจเกินเหตุของนักลงทุนเป็นเครื่องมือในการทำกำไร
แม้ความขัดแย้งระหว่าง Elon Musk และ Donald Trump จะเป็นกระแสร้อนในสื่อสังคมออนไลน์ แต่ก็ยากที่จะเชื่อมโยงโดยตรงกับการร่วงลงของราคา Bitcoin โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวลงเพียง 0.55% ในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นว่ายังไม่มีความตื่นตระหนกในตลาดโดยรวม
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแรง ขณะที่ความโปร่งใสด้านการดูแล Bitcoin ถูกตั้งคำถาม
ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยยังคงกดดันตลาดคริปโต โดยข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน
Adriana Kugler หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังเตือนว่าการขึ้นภาษีอาจส่งผลลบต่อการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ความผิดหวังของนักลงทุนต่อ Michael Saylor และบริษัท Strategy ที่ยังไม่เปิดเผยที่อยู่กระเป๋า Bitcoin บนบล็อกเชน ก็ยิ่งทำให้เกิดการคาดเดาว่าอาจไม่มี Bitcoin ที่ถูกถือไว้จากฝั่งผู้ดูแลทรัพย์สิน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจส่งผลร้ายแรงหากเกิดขึ้นจริง
แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า Coinbase Custody หรือ Fidelity Digital Assets ซึ่งเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์รายใหญ่ กระทำผิดในลักษณะดังกล่าว และต่างก็อยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเคร่งครัด นักลงทุนก็ยังคงพยายามมองหาคำอธิบายถึงสาเหตุที่ Bitcoin ย่อตัวลง แม้จะมีเม็ดเงินไหลเข้าจากบริษัทอย่าง Strategy, GameStop, Metaplanet, Semler Scientific และ Méliuz อย่างต่อเนื่อง
โครงการสำรอง Bitcoin ของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่มีความคืบหน้า
จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 3 เดือนผ่านไปหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศโครงการ Strategic Bitcoin Reserves แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมใด ๆ ยิ่งตอกย้ำความไม่มั่นใจในบทบาทของภาครัฐต่อการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล
ในด้านกฎระเบียบ แม้จะมีความคืบหน้าเล็กน้อย เช่น การอนุญาตให้ธนาคารให้บริการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่ผลิตภัณฑ์อย่าง Spot ETF ก็ยังขาดคุณสมบัติสำคัญ เช่น ระบบการไถ่ถอนแบบ In-kind และฟีเจอร์การ Staking
ปัจจัยความกังวลหลักที่ฉุดรั้งราคา Bitcoin ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การดูแลสินทรัพย์ และความไม่แน่นอนของภาครัฐ ยังคงไม่ได้รับการคลี่คลาย ส่งผลให้นักลงทุนยังลังเลต่อทิศทางในอนาคต แม้ราคา Bitcoin จะพยายามฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 105,000 ดอลลาร์ก็ตาม
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว