Bitcoin ใกล้แตะจุดสูงสุดใหม่! แต่อารมณ์ตลาดที่ร้อนแรงอาจส่งสัญญาณการพักฐาน

ตลาดคริปโตกลับมาเต็มไปด้วยความหวังอีกครั้ง โดยนักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่า Bitcoin กำลังอยู่บนเส้นทางสู่จุดสูงสุดใหม่ โดยในช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ราคาได้พุ่งขึ้นกว่า 39% และทะลุระดับ 105,000 ดอลลาร์ในบางช่วง ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Glassnode ชี้ว่าตลาดกำลังแสดง “สัญญาณของความแข็งแกร่งครั้งใหม่” และอยู่ในภาวะที่ผู้ถือเหรียญส่วนใหญ่อยู่ในสถานะมีกำไร

อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนบางส่วนที่เริ่มขายทำกำไร ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตามราคาซื้อจริง (Realized cap) ของ Bitcoin แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 889,000 ล้านดอลลาร์ และยังคาดว่าการขายทำกำไรอาจเร่งตัวขึ้นหากราคาขึ้นไปยืนเหนือระดับ 106,000 ดอลลาร์

ตลาดอาจกำลังร้อนแรงเกินไป

ในช่วงที่ราคาขึ้นแรง ตลาดมักเผชิญความเสี่ยงของการปรับฐานอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ราคาทองคำเริ่มแสดงสัญญาณของการอ่อนแรง ซึ่งนับเป็นสินทรัพย์ที่มีความเคลื่อนไหวคล้าย Bitcoin ในช่วงหลัง หากทองคำเข้าสู่ช่วงการพักตัว ก็มีความเป็นไปได้ว่า Bitcoin อาจเคลื่อนไหวตามเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจาก Glassnode ระบุว่าการปรับขึ้นของ Bitcoin ในรอบนี้ทำให้เหรียญกว่า 3 ล้าน BTC กลับมาอยู่ในสถานะมีกำไรอีกครั้ง ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน สะท้อนถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและความพร้อมของตลาดในการรองรับแรงขาย

แม้แต่ผู้ที่ซื้อ Bitcoin ในช่วงจุดสูงสุดสูงตอนปลายปี 2024 ก็เริ่มกลับมามีกำไรอีกครั้ง ส่งผลให้ทมีการใช้จ่ายหรือโอน Bitcoin มากขึ้น ซึ่งข้อมูลแสดงให้เห็นว่านักลงทุนกลุ่มที่เคยขาดทุน ตอนนี้ส่วนใหญ่โอน Bitcoin ในขณะที่มีกำไรมากกว่าขาดทุนอีกครั้ง โดยสัดส่วนนี้เปลี่ยนจากขาดทุน 20% เมื่อปลายเดือนเมษายน มาเป็นกำไร 20% ในปัจจุบัน

นักลงทุนสถาบันกลับมาเชื่อมั่น

ข้อมูลจาก CoinGlass ยังระบุว่าในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินทุนกว่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ส่งผลให้ยอดรวมการถือครองของกองทุน Spot Bitcoin ETFพุ่งแตะ 1.26 ล้าน BTC ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แต่ในขณะเดียวกัน หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่าตลาดอาจร้อนแรงเกินไป โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากตัวเลข Open interest หรือมูลค่าของสัญญาที่เปิดอยู่ในตลาด Futures ทั้งฝั่ง Long และ Short ของ Bitcoin ที่พุ่งขึ้นแตะ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล บ่งชี้ว่าตลาดอยู่ในภาวะ “เอียงไปข้างเดียว” โดยเน้นฝั่ง Long หรือการเดิมพันการพุ่งขึ้นของราคาอย่างชัดเจน ซึ่งในสภาวะเช่นนี้ แม้แต่ปัจจัยที่กระทบตลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจุดชนวนให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงได้

André Dragosch หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Bitwise Asset Management เปิดเผยว่าดัชนี Cryptoasset Sentiment Index ของ Bitwise ซึ่งวัดจากตัวแปรย่อยอีก 15 รายการ ครอบคลุมอารมณ์ตลาด ปริมาณเงินไหลเข้า ข้อมูล On-Chain และตลาดอนุพันธ์ ปัจจุบันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งถือเป็นสัญญาณของตลาดที่กำลังร้อนแรงเกินไป

เขาให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่า “ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าอารมณ์ตลาดกำลังร้อนแรงเกินไป และทิศทางการลงทุนเอนเอียงไปทางฝั่ง Long อย่างชัดเจน ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปรับฐานระยะสั้น และการพุ่งขึ้นของราคาอาจต้องหยุดพัก”

ถึงอย่างนั้น Dragosch ยังคงเชื่อมั่นในแนวโน้มเชิงบวกในระยะยาวไปจนถึงสิ้นปี 2025 โดยอ้างถึงการสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่องจากบริษัทและกองทุน ETP ซึ่งส่งผลให้ปริมาณ Bitcoin ที่มีอยู่ในตลาดลดลงเรื่อย ๆ

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันตลาดในระยะสั้น

Matt Hougan ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของบริษัท Bitwise ยังชี้ว่า ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา โดยเฉพาะหลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ชะลอการผ่านร่างกฎหมายเกี่ยวกับ Stablecoin เมื่อสัปดาห์ก่อน

นอกจากนี้ ตลาดยังแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมใหม่ โดยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 เป็นต้นมา Bitcoin มีความสัมพันธ์กับราคาทองคำสูงกว่าดัชนีหุ้น ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของสหรัฐฯ ที่ทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ไม่ผูกพันกับการเมืองอย่าง Bitcoin และทองคำ โดยทั้งสองสินทรัพย์มีราคาเพิ่มขึ้น 22% ก่อนที่ราคาทองคำจะปรับตัวลงเหลือกำไรเพียง 13% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq-100 เพิ่งฟื้นตัวกลับมาจากการขาดทุน

ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3%–4% จากความคืบหน้าในความสัมพันธ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่ราคาของ Bitcoin แทบไม่ขยับ ขณะเดียวกัน ราคาทองคำก็เริ่มทำจุดสูงที่ต่ำลง ซึ่งนักวิเคราะห์อย่าง Michael Van de Poppe มองว่าอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของเทรนด์ขาลง หากราคาทองคำเข้าสู่ช่วงพักตัว Bitcoin ก็อาจได้รับผลกระทบตามมา

อีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์ Daan Crypto Trades ชี้ว่าแม้จากสถิติแล้วเดือนพฤษภาคมมักเป็นเดือนบวกของ Bitcoin โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 8% แต่สถิติของเดือนมิถุนายนและกันยายนกลับเป็นเดือนที่มีผลงานแย่ที่สุดในแต่ละปี เขาระบุว่า “แม้สถิติจะไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ควรใช้ในการตัดสินใจ แต่ก็มีประโยชน์ เพราะนักลงทุนจำนวนมากกำลังจับตามองสิ่งเดียวกันอยู่”

อ้างอิง : Cointelegraph