กองทุน Bitcoin ETF ไหลออกกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ — แต่ Schwab ยังมองบวก
Spot Bitcoin ETFs สูญเงินลงทุนรวม 1.22 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังตลาดคริปโตร่วงลงแรง ขณะ Charles Schwab เผยลูกค้าถือครองกว่า 20% ของผลิตภัณฑ์การลงทุนคริปโตในสหรัฐฯ

Spot Bitcoin ETFs สูญเงินลงทุนรวม 1.22 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังตลาดคริปโตร่วงลงแรง ขณะ Charles Schwab เผยลูกค้าถือครองกว่า 20% ของผลิตภัณฑ์การลงทุนคริปโตในสหรัฐฯ
กองทุน Spot Bitcoin ETF ทั้ง 11 กองในสหรัฐฯ เผชิญแรงขายต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ โดยข้อมูลจาก SoSoValue ระบุว่ามีเงินทุนไหลออกสุทธิรวมกว่า 1.22 พันล้านดอลลาร์ หลังราคาของ Bitcoin ร่วงลงอย่างหนักในช่วงเดียวกัน
เฉพาะวันศุกร์เพียงวันเดียว มีกระแสเงินออกจากกองทุนรวม 366.6 ล้านดอลลาร์ นับเป็นการปิดสัปดาห์ที่ซบเซาสำหรับผลิตภัณฑ์การลงทุนเชิงสถาบันที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin
กองทุน BlackRock iShares Bitcoin Trust (IBIT) เผชิญแรงขายมากที่สุด โดยมีเงินไหลออกถึง 268.6 ล้านดอลลาร์ รองลงมาคือ Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) ที่มียอดขายออก 67.2 ล้านดอลลาร์ Grayscale GBTC 25 ล้านดอลลาร์ และ Valkyrie ETF อีกเล็กน้อย ขณะที่กองทุนอื่นไม่มีการเคลื่อนไหวของเงินทุนในวันดังกล่าว
การไหลออกต่อเนื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการร่วงลงแรงของตลาดคริปโต โดย Bitcoin ลดลงมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ จากระดับกว่า 115,000 ดอลลาร์ ในวันจันทร์ ไปแตะจุดต่ำสุดในรอบสี่เดือนที่ต่ำกว่า 104,000 ดอลลาร์ ในวันศุกร์
Schwab ชี้นักลงทุนยังสนใจคริปโตสูง
แม้จะมีแรงขายออกจาก ETF แต่ Rick Wurster CEO ของ Charles Schwab ยังคงมองบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเปิดเผยว่าลูกค้าของบริษัทถือครองกว่า 20% ของผลิตภัณฑ์ ETP คริปโตทั้งหมดในสหรัฐฯ
“ผลิตภัณฑ์คริปโตยังคงมีความเคลื่อนไหวสูงมาก” Wurster กล่าวกับ CNBC เมื่อวันศุกร์ พร้อมเผยว่าจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์คริปโตของ Schwab เพิ่มขึ้นกว่า 90% ในรอบปีที่ผ่านมา
“นี่เป็นตลาดที่ลูกค้าให้ความสนใจอย่างมาก” เขากล่าว
Nate Geraci ผู้เชี่ยวชาญด้าน ETF เสริมว่า Schwab ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ “ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม”
ปัจจุบัน Schwab เปิดให้ลงทุนใน กองทุนคริปโต Bitcoin Futures ETF และมีแผนเปิดบริการซื้อขายคริปโตแบบ Spot ให้กับลูกค้าในปี 2026
“Uptober” สะดุด — แต่แรงหนุนยังมี
แม้เดือนตุลาคมมักเป็นเดือนที่ Bitcoin ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยใน 12 ปีที่ผ่านมา ราคาปรับขึ้นถึง 10 ครั้ง แต่ปีนี้กลับสวนทาง โดยราคาร่วงลงแล้วกว่า 6%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงเชื่อว่า “Uptober” จะกลับมาอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของเดือน โดยปัจจัยหนุนสำคัญอาจมาจาก การคาดการณ์ลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งมักกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอร์เรนซี
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว