ข่าว Bitcoin

Bull run ของ Bitcoin จะสิ้นสุดลง หากสถาบันต่างๆ ล้มละลาย

Photo 1510697352132 C7fb89b3084f.jpg

ผู้บริหารบริษัท Komodo อย่าง Jason Brown ออกมาเตือนสติเหล่านักลงทุนทั้งหลายให้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนและคิดให้รอบคอบ โดยพยายามคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆที่ยากจะเกิดขึ้นแต่ก็อาจเกิดขึ้นได้

เราต่างรู้กันอยู่แล้วว่า สกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 อย่าง Bitcoin (BTC) นั้นขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนในราคาอย่างมาก เรียกได้ว่าขึ้นก็สุด ลงก็สุด และแม้ว่ามันจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการลดลดในช่วงการระบาดเมื่อเดือนมีนาคม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสินทรัพย์นั้นจะเอาตัวรอดได้จากเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอนาคต โดย Jason Brown ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สำหรับแพลตฟอร์ม Smart chain อย่าง Komodo ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อาจทำให้ราคา Bitcoin ลดลง ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบเดียวกับ COVID-19 ในวันข้างหน้า

“ฉันคิดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่นำมาสู่ช่วงขาขึ้นของการเปิดรับสกุลเงินดิจิทัลจากเหล่าสถาบันต่าง ๆ เลยด้วยซ้ำ”
“ในทางกลับกันเราก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า COVID-19 จะเข้ามาพังทลายทุกอย่างแบบไม่ให้ทันตั้งตัว และก่อให้เกิดตลาดแบบ Bear market ในระยะสั้น ตามมาด้วยการขึ้นของราคาแบบ Bull run ที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2020”

ในเดือน มีนาคม ปี 2020 มูลค่าของ Bitcoin ดิ่งลงมากถึง 50% ภายใน 48 ชั่วโมง พร้อมกับการลดลงที่มีลักษณะคล้ายกันที่เกิดขึ้นในตลาดกระแสหลักทั้งหลาย และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบริษัทยักษ์ใหญ่หลายราย เช่น MicroStrategy และ MassMutual ได้ออกมาเปิดเผยถึงการจัดสรรเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวนมหาศาลเพื่อลงทุนใน Bitcoin โดยเฉพาะอย่างยิ่ง MicroStrategy ภายใต้การบริหารของ CEO อย่าง Michael Saylor ที่ทุกวันนี้เขาได้กลายเป็นผู้สนับสนุนราใหญ่ของ Bitcoin โดยใช้เป็นเครื่องมือในการเผชิญกับเงินเฟ้อ

“สถาบันต่าง ๆ มีความคิดแบบ HODL ในระยะยาวอย่างชัดเจน และไม่ใช่การลงทุนแบบเก็งกำไร” Brown กล่าว

แต่ทว่าทุกแผนการสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อผู้คน หรือบริษัทต่าง ๆ เหล่านั้นจำเป็นต้องดึงเงินทุนกลับเพื่อให้บริษัทยังคงอยู่รอดได้ “ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นก็คือ หากสถาบันต่าง ๆ ประสบกับสภาวะล้มละลาย แม้นั่นจะเกี่ยวข้องกับปัจจัยภายนอกตลาด Crypto ในปัจจุบันก็ตาม” Brown อธิบาย

อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

ด้วยความก้าวหน้าล่าสุดของ Bitcoin ที่ผ่านระดับราคา 41,000 ดอลลาร์สหรัฐ มาแล้ว ทำให้การลงทุนซื้อในตอนนี้หมายถึงการซื้อ ณ ขณะที่ราคาอยู่ในระดับสูงสุดตลอดกาล ซึ่งผู้เล่นรายใหญ่ต่างก็กำลังเพิ่มการลงทุนใน Crypto ช่วงที่ราคากำลังสูงกว่าระดับราคาเฉลี่ย “นี่หมายความว่าเราสามารถเห็นสถานการณ์ที่สถาบันกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเงินหากราคา Crypto ลดลง หรือหยุดนิ่ง ต่อจากนั้นพวกเขาจะตัดสินใจขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด” Brown กล่าว และเสริมต่อว่า

“แม้ว่าแนวความคิดนี้จะเป็นไปในทางทฤษฎีสูง และไม่น่าเป็นไปได้ แต่สิ่งนี้อาจทำให้เกิด Cascade effect (ผลกระทบจากการสูญเสียผู้เล่นหลัก) และส่งเรากลับไปที่ตลาดBear market โดยเราเคยพูดถึงวิธีที่เหล่า Whales ขับเคลื่อนตลาด แต่ตอนนี้อุปทานทั้งหมดของสกุลเงิน Crypto ชั้นนำกลายเป็นแบบ Centralized มากขึ้น ในอนาคตสิ่งที่อาจเกิดขึ้นก็ คือ การเทขายครั้งใหญ่จากสถาบันหลักแห่งใดแห่งหนึ่ง เพื่อส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างเห็นได้ชัด – ซึ่งจะส่งผลมากกว่าตลาดแบบ Bear market ที่เกิดขึ้นในปี 2018”

ตลาดแบบ Bear market ในปี 2018 ของ Bitcoin จะเห็นได้ว่าราคาลดลงจาก 17,000 ดอลลาร์สหรัฐ เหลือต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

NYDFS จ่ออนุมัติ Stablecoin RLUSD ของ Ripple ในวันที่ 4 ธันวาคม
รัสเซียก้าวสู่ยุคใหม่ของคริปโทเคอร์เรนซี ประกาศกรอบภาษีฉบับประวัติศาสตร์
ผู้ก่อตั้ง Cardano(ADA) คาดการณ์ DeFi บน Bitcoin จะครอบงำวงการคริปโตภายใน 3 ปี
Spot Ethereum ETF สร้างสถิติใหม่ เงินทุนไหลเข้าทะลุ $332.9 ล้านดอลลาร์ ดึงดูดเม็ดเงินสูงกว่า Bitcoin ETF