บริษัทชื่อดังเล็งขยายธุรกิจหลังได้กำไรจากคริปโต
Galaxy Digital เตรียมเปิดตัวหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อ หลังทำตามคำแนะนำของซีอีโอบริษัท และ สร้างกำไรจากคริปโตได้อย่างมหาศาล
Galaxy Digital เตรียมเปิดตัวหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อ หลังทำตามคำแนะนำของซีอีโอบริษัท และ สร้างกำไรจากคริปโตได้อย่างมหาศาล
Galaxy Digital นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ที่ก่อตั้งโดย Michael Novogratz มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ออกมาแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาระบุว่าทางธนาคารเตรียมเปิดตัวหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายธุรกิจ หลังจากที่บริษัทสามารถทำกำไรจากคริปโตให้กับบริษัทได้มากกว่าสิบเท่าในไตรมาสที่แล้ว โดยตราสารหนี้ของหุ้นประเภทดังกล่าวจะสามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นเงินทุนของบริษัทได้ และคิดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ต่อปี ซึ่งจะสิ้นอายุลงในปี 2026
Michael Novogratz เสนอให้สร้างกำไรจากคริปโต
Michael Novogratz ผู้ก่อตั้ง และ ซีอีโอแห่ง Galaxy Digital โด่งดังขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในฐานะนักลงทุน Bitcoin (BTC) และ คริปโตสกุลอื่น ๆ โดยเขาได้ออกมาเรียกร้องให้เหล่านักลงทุนขององค์กรหันมาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนกับคริปโตเคอเรนซีเข้าไปในพอร์ตการลงทุนของพวกเขาอยู่ที่ระหว่าง 1% - 5% ซึ่งหลังผ่านการดำเนินการตามคำแนะนำมาในระยะหนึ่ง ทางบริษัทได้ทำการอัปเดตข้อมูลในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาพบว่ามูลค่า Asset Under Management (AUM) ขององค์กรนั้นพุ่งทะลุ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐไปในที่สุด Galaxy Digital จึงกลายเป็นบริษัทลงทุนเหรียญดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกไปโดยปริยาย
ผลงานที่ผ่านมาของ Galaxy Digital
บริษัท Galaxy Digital ได้รับการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทบนหมู่เกาะเคยแมน นอกจากนี้ยังได้นำหุ้นองค์กรไปจดทะเบียนไว้ในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศแคนานดาอีกด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทยักษ์ใหญ่รายนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างเพื่อนำหุ้นเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2022 ที่จะถึงนี้ โดยทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ยังไม่ได้มีการอนุมัติถึงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
ในไตรมาสที่ผ่านมา Galaxy Digital มีรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์, การลงทุน, การจัดการสินทรัพย์, การขุดคริปโต และ แหล่งรายได้อื่น ๆ รวมสุทธิ 517.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจาก 41.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสของปีที่แล้ว โดยหุ้นขององค์กรสามารถทำกำไรได้มากถึง 405.4% หรือคิดเป็นหุ้นละ 23.51 ดอลลาร์สหรัฐ ณ ราคาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ล่าสุดทางบริษัทได้ทำการขยายขอบเขตการลงทุนเข้าไปในอุตสาหกรรม Non Fungible Token (NFT) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้นำเงินทุนมูลค่ากว่า 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปลงกับ NFT จำนวน 22 รายการในช่วงต้นปีที่ผ่านมา