Bank of America เชื่อว่า Bitcoin อาจหมายถึงเงินที่มากขึ้นสำหรับชาวเอลซัลวาดอร์

Bank of America ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนข้ามชาติชั้นนำในสหรัฐฯ ออกมาแสดงมุมมองของพวกเขาต่อสถานะของสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 อย่าง Bitcoin (BTC) กับประเทศ El Salvador โดยพวกเขามองว่า BTC นั้นมีความสามารถในการกระตุ้นระบบการเงินดิจิทัลให้ก้าวหน้ามาก ซึ่งจะส่งผลให้คนงานใน El Salvador สามารถส่งผ่านเงินกันได้มากขึ้นนั่นเอง

ตามประกาศระบุว่า

“ธนาคารแห่งอเมริการายงานว่า Bitcoin อาจหมายถึงปริมาณเงินที่มากขึ้นสำหรับคนงาน, ระบบการเงินที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ, ทางเลือกของผู้บริโภคที่มากขึ้น และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นสำหรับเอลซัลวาดอร์”

นอกจากนี้การที่เอลซัลวาดอร์ขึ้นแท่นเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้ BTC เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย ยังถูกมองว่าเป็นก้าวย่างไปสู่การสร้างงานในประเทศที่ให้กับประชากรกว่า 70% ผู้ซึ่งทำงานในเศรษฐกิจนอกระบบ และไม่มีบัญชีธนาคาร

นอกจากนี้ การใช้งาน Bitcoin ยังสามารถกระตุ้นการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) ซึ่งจะทำให้ผู้คนมากมายเข้าถึงการลงทุน การออม เครดิต และการทำธุรกรรมที่ปลอดภัย

JPMorgan กลับเห็นต่างจาก Bank of America

แม้ Bank of America นั้นจะมองเห็นถึงผลประโยชน์อย่างยิ่งโยชน์ของ Bitcoin แต่ทว่าทาง JPMorgan ซึ่งเป็น กลับไม่เห็นเช่นนั้น โดยพวกเขานั้นมองว่าประเทศ El Salvador จะไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ เลยแม้แต่น้อยจากการผ่านกฎหมายที่ทำให้ Bitcoin มีเป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการของประเทศ

“เป็นเรื่องยากที่ประเทศ El Salvador จะได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการที่ทำให้บิทคอยน์กลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย”

โดยทาง JPMorgan ยังกล่าวต่อไปอีกว่า แม้ปริมาณการซื้อขายของบิทคอยน์ในแต่ละวันมักจะอยู่ที่ราว ๆ 4 – 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่นั้นไม่ได้ทำให้บิทคอยน์สามารถเปลี่ยนเป็นเงินกระดาษได้ในตอนนี้ และมันจะไม่ช่วย El Salvador ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของพวกเขาอย่างแน่นอน

ความขัดแย้งภายในประเทศเอลซัลวาดอร์ที่เกิดขึ้นเพราะ BTC

จากกระแสของสกุลเงินดิจิทัลที่โตวันโตคืน ได้ทำให้เสียงข้างมากภายในสภาภายใต้รัฐบาลของ El Salvador ตัดสินใจประกาศให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินถูกกฎหมายเทียบเท่าสกุลเงิน US ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของตลาดสกุลนี้สามารถใช้ชำระหนี้ได้ถูกต้องตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศนี้ที่ทั่วโลกนั้นจับตามองเป็นอย่างมาก

แต่ในทางกลับกัน ประชาชนบางส่วนกลับไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการในครั้งนี้ และประกาศกร้าวว่า “No Bitcoin!” โดยออกมาประท้วงกฎหมาย Bitcoin เพราะพวกเขานั้นมองว่าสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนและเป็นช่องทางฟอกเงินที่ได้มาโดยมิชอบของรัฐบาล ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงเหล่านี้เรียกตัวเองว่า Popular Resistance และ Rebellion Block

ทั้งนี้ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงต่อนนโยบาย Bitcoin นั้นมีมูลเหตุมาจากการที่ภาครัฐนั้นตัดสินใจออกกฎหมายสำคัญที่ยกระดับสกุลเงิน Bitcoin โดยไม่ได้มีการปรึกษาหารือกับประชาชนอย่างเหมาะสมนั่นเอง และเหล่ากลุ่มผู้ประท้วงมองความผันผวนของ Bitcoin เปรียบเสมือนการเดิมพันอีกด้วย

ทั้งนี้ทางภาครัฐจะมีการตอบโตอย่างไร เป็นสิ่งที่เราทั้งหลายต้องรอติดตาม