🇺🇸 United States

ชาวอเมริกันใช้คริปโตเพิ่มขึ้น แม้จะเกิดเงินเฟ้อ

Uscrypto.png

รายงานประสิทธิภาพตลาดคริปโต และ Web3 ตัวใหม่จาก DappRadar ในไตรมาสแรกของปีนี้พบว่าชาวอเมริกันใช้คริปโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายงานผลการวิเคราะห์เชิงปริมาณโดย DappRadar ที่เพิ่งเผยแพร่ออกสู่สาธารณชนไปเมื่อไม่นานได้ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของนักลงทุนจำนวนหนึ่งในตลาดที่ทำให้เกิดการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการเติบโตของชาวอเมริกันที่ใช้คริปโตยังเพิ่มขึ้นจนเป็นที่น่าสนใจอีกด้วยเช่นเดียวกัน

รายงานการวิเคราะห์ตัวใหม่ชี้ชาวอเมริกันใช้คริปโตเพิ่มขึ้นสวนกระแสภาวะเงินเฟ้อ

มาเริ่มต้นกันที่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งตลาดได้ตอบรับต่อเทคโนโลยีประเภท Web3 และ Metaverse ไปในเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา อัตราการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลภายในประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก สวนทางกับความขัดแย้งระหว่างยูเครน และรัสเซียที่ได้ส่งผลให้เชื้อเพลิงทั่วทั้งยุโรปมีราคาแพง รวมไปถึงการเกิดภาวะเงินเฟ้อไปทุกพื้นที่ทั่วโลกอีกด้วย

คริปโตแสดงศักยภาพเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนในยามวิกฤต

ทาง DappRadar ได้จัดทำกราฟแท่งเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยในช่วงภาวะเงินฝืด และความสนใจต่อการเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้นได้บ่งชี้ว่าคริปโตเคอร์เรนซีนั้นสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนได้ จะเห็นได้จากความปั่นป่วนของสภาวะเงินฝืดที่เกิดขึ้นกับสกุลเงินเรอัลบราซิล (BRL) อยู่ที่ 217.65% เทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลทำให้ผู้คนสนใจหันมาซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลในปีต่อมาเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกันกับประเทศอินเดียที่พบการเพิ่มจำนวนของอัตราดอกเบี้ยคริปโตขึ้นมากว่า 40% หลังต้องเผชิญกับสภาวะเงินฝืด 58.58% กับสกุลเงินประจำชาติอย่างรูปี (INR)

ชาวอเมริกัน และบริษัทยักษ์ใหญ่ให้ความสนใจ Metaverse กันอย่างล้นหลาม

Uscryptoadoption.png

เมื่อลองมาพูดถึงประเทศที่ให้ความสนใจกับสื่อโซเชียลมีเดียประเภท Web3 อย่าง Metaverse มากที่สุดนั้น ผู้ที่ขึ้นครองตำแหน่งแชมป์ดังกล่าวไปได้คงจะหนีไม่พ้นประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอมเริกา ที่เฉือนเอาชนะมาด้วยคะแนนสูงสุดที่ 2.2 แต้ม ตามมาด้วยประเทศอินโดนิเซียอยู่ที่ 1.4 แต้ม และอินเดียราว 0.6 แต้มตามลำดับ โดยสหราชอาณาจักรตามหลังอยู่ที่อันดับที่ 7 ด้วยคะแนนเพียง 0.3 แต้มเท่านั้น ในขณะเดียวกัน แพลตฟอร์ม Metaverse ชั้นนำอย่างเช่น Decentraland (MANA), Sandbox (SAND), Somnium Space (CUBE) และ Roblox สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้งานชาวอเมริกันได้ในจำนวนมหาศาล โดยในรายงานการวิเคราะห์ได้มีการระบุไว้ว่า

“แบรนด์แฟชันรายใหญ่ เช่น Gucci, Dolce และ Burberry ได้ออกมาเปิดตัวคอลเลกชัน NFT ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ Nike และ Adidas ก็ได้แข่งขันกันร่วมมือกับแบรนด์ Web3 ชั้นนำอีกด้วย พร้อมกันนี้ HSBC และ JP Morgan เองก็กำลังจะเปิดธนาคารเสมือนในแพลตฟอร์ม Sandbox และ Decentraland ด้วยเช่นเดียวกัน”

ค่า TVL ของตลาด Blockchain กำลังฟื้นตัว

แม้ว่า การเติบโตของตัวชี้วัดมูลค่าของสินทรัพย์ที่ล็อกเอาไว้กับระบบนิเวศ DeFi หรือ ปริมาณมูลค่าหลักทรัพย์ที่ถูกใส่เข้าไปใน Smart Contract (Total Value Locked - TVL) จะเพิ่มขึ้นมาเพียงแค่ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ปัจจุบันก็ตาม แต่ทว่าปริมาณการทำธุรกรรมกลับทยอยร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สามารถทำสถิติสูงสุดเอาไว้ได้ในช่วงกลางเดือนมกราคม ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม รายงานการวิเคราะห์ยังได้ระบุว่าค่า TVL ของอุตสาหกรรมกำลังฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ หลังจากเครือข่าย Blockchain อย่าง Terra (LUNA), Solana (SOL) และ Avalanche (AVAX) ได้รับการพัฒนาให้มัความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ตัวชี้วัดที่สำคัญอีกตัวหนึ่งนั้น ก็คืออัตราการเติบโตของจำนวนนักพัฒนาที่เปลี่ยนไปใช้เครือข่ายอื่น ๆ ซึ่งสำหรับ Terra นั้น ข้อมูลบ่งชี้ว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 313% ต่อปี ในขณะที่ Solana และ Near (NEAR) เองก็มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นมากว่า 307% และ 291% ตามลำดับ

SEC สหรัฐยังมองว่าคริปโตเสี่ยงเกินไป

แม้ว่า ผลการสำรวจตลาดของ DappRadar นั้นจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจำนวนชาวอเมริกันใช้คริปโตเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลก็ตาม แต่ทว่าทางด้านคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ก็ได้ออกมาลิสต์รายชื่อสินทรัพย์ดิจิทัลที่ควรได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด พร้อมระบุว่าคริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ที่ควรจับตาเฝ้าระวังเอาไว้มากที่สุดในปีนี้อีกด้วย โดยทางหน่วยงานมีความตั้งใจที่จะปกป้องนักลงทุน และต้องการสร้างความมั่นใจในด้านของความสมดุล และความสามารถในการเป็นตลาดลงทุนที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับเหมาะสมได้

ทางด้าน Richard Best ผู้อำนวยการตรวจสอบรายชื่อคริปโตเคอร์เรนซี ก็ได้ออกมากล่าวว่า

“ความผันผวนของคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มกลายเป็นภัยคุกคามต่อตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ และทางหน่วยงานจำเป็นที่จำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่คุ้มครองนักลงทุนรายย่อยให้ได้อย่างเต็มกำลัง”

แน่นอนว่า ทางหน่วยงานไม่ได้เพ่งเล็งแค่คริปโตเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น แต่ทว่ายังรวมไปถึงบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องต่าง ๆ รวมไปถึงนายหน้าสินทรัพย์ และที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่แนะนำการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงให้กับผู้บริโภคอีกด้วยเช่นเดียวกัน

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง