‘นายอาร์ม’ มอง ‘ชัยวุฒิ’ แบน Facebook แทบเป็นไปไม่ได้! ชี้ 3 วิธีคาดรัฐอาจหยิบใช้ แต่คงแบนไม่ได้แบบ 100%
‘นายอาร์ม’ มองแผนแบน Facebook ของ ‘ชัยวุฒิ’ แทบเป็นไปไม่ได้ - ชี้ 3 วิธีลงดาบ คาดรัฐอาจหยิบใช้ แต่คงแบนไม่ได้แบบ 100%

‘นายอาร์ม’ มองแผนแบน Facebook ของ ‘ชัยวุฒิ’ แทบเป็นไปไม่ได้ - ชี้ 3 วิธีลงดาบ คาดรัฐอาจหยิบใช้ แต่คงแบนไม่ได้แบบ 100%
Table of contents
วันที่ 30 สิงหาคม ‘ดร. ธนานนท์ ปฏิญญาศักดิกุล' หรือ ‘นายอาร์ม’ สตรีมเมอร์และยูทูปเบอร์สายเทคฯ ชื่อดัง เผยแพร่วิดีโอลงบนช่อง YouTube ส่วนตัว ชี้ถึงกรณีที่ 'ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์' รัฐมนตรี DES กล่าวถึงแผนสั่งปิด Facebook ประเทศไทย เนื่องจากบริษัทไม่ดำเนินการใดๆ ต่อการหลอกลวงที่กำลังระบาดหนักในแพลตฟอร์ม
อ่านข่าวต่อ - ‘ชัยวุฒิ’ จ่อปิด Facebook ประเทศไทย ชี้กลโกงคริปโต, เหรียญดิจิทัล ฯลฯ ยังคงสูง
โดย ‘นายอาร์ม’ ระบุการที่รัฐบาลจะสามารถแบน Facebook หรือเว็บไซต์ใดๆ ได้นั้นมี 3 วิธี คือ 1. แบน DNS, 2. แบน IP Address และ 3. DPI (Deep Package Inspection)
รูปภาพ: Facebook/9arm
1. แบน DNS
นายอาร์ม อธิบายว่าโดยปกติแล้วหากผู้ใช้พิมพ์ชื่อเว็บไซต์เข้าไปในเว็บเบราเซอร์ ตัวเว็บเบราเซอร์เองจะมีการแปลงชื่อเว็บไซต์เป็นหมายเลข IP Address ของเว็บไซต์นั้นๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งการแบน DNS จะหมายความว่าเป็นการบล็อกให้ผู้บริการอินเตอร์เน็ตระบุว่าชื่อเว็บไซต์นั้นๆ ไม่ได้เชื่อมกับ IP Address ใดๆ หรือให้ไปเชื่อมกับ IP Address อื่นๆ แทน ซึ่งเป็นวิธีการดั้งเดิมที่กระทรวงดิจิทัลทำมานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม วิธีดังกล่าวสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย อย่างเช่นผู้ใช้งานก็สามารถใช้งาน VPN ต่างๆ ก็สามารถเข้าเว็บไซต์ได้ตามปกติแล้ว และวิธีการก็ไม่ยุ่งยาก
2. แบน IP Address
เช่นกัน ถ้าหากรัฐบาลเลือกที่จะแบนท่ีตัว IP Address โดยตรง แทนที่จะเลือกแบนที่ชื่อเว็บไซต์ ก็สามารถใช้ VPN เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ได้เช่นกัน
รวมไปถึงปัจจุบันนี้หนึ่งเว็บไซต์สามารถมีได้หลาย IP Address ซึ่งหากต้องการแบนก็ต้องทำการแบนทุก IP รวมไปถึงในบาง IP ที่แม้จะเป็น Address เดียวกันก็ยังถูกใช้งานกับหลายเว็บไซต์ ดังนั้นถ้าหากแบน 1 IP ก็อาจจะหมายความว่าหลานเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องจะต้องถูกลูกหลงไปด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็นเว็บไซต์ของรัฐบาลได้เช่นกัน ดังนั้นวิธีนี้จึงไม่สามารถทำได้แล้วในปัจจุบัน
3. DPI (Deep Package Inspection)
เป็นวิธีเดียวกับการทำ ‘Single Gateway’ ที่รัฐบาลจะมีหน้าที่ตรวจสอบทุกการใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งจำเป็นต้องทำในระดับประเทศ ไม่สามารถเลือกทำแค่กับเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งได้ ซึ่งขณะนี้มีเพียงประเทศอย่างเกาหลีเหนือ หรือประเทศจีนเท่านั้นที่ทำ รวมไปถึงอย่างในประเทศจีนก็ยังสามารถใช้ VPN หลบเลี่ยงได้อยู่ดี
โดยวิธีการนี้หากรัฐเลือกที่จะใช้งานจริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบอินเตอร์เน็ตของประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งใช้งบประมาณมหาศาล, ความล่าช้าในการใช้งานจะเพิ่มขึ้น, ตัดความเป็นส่วนตัว ฯลฯ
สรุป
สุดท้ายแล้วนายอาร์มระบุว่า การที่ ‘ชัยวุฒิ’ ออกมาเปิดเผยถึงแผนการสั่งแบน Facebook ประเทศไทยครั้งนี้จึงอาจจะเป็นเพียงการ ‘ขู่ Facebook’ เท่านั้น เพื่อให้ทางบริษัทออกมาเคลื่อนไหวต่อโฆษณาหลอกลวงที่กำลังระบาด ซึ่งตัวของนายอาร์มเองก็เชื่อว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้น่าจะไปถึงหูผู้บริหารระดับสูงของ Facebook อย่างแน่นอน
นอกจากนี้นายอาร์มยังระบุว่าถ้าหากนี่คือจุดประสงค์ของชัยวุฒิจริง ก็ถือว่าเป็นการ ‘คิดดี’ แล้ว ที่ตัดสินใจพูดในครั้งนี้ออกมา ประกอบกับที่สื่ิอต่างๆ หยิบประเด็นไปเล่นข่าวก็ยิ่งทำให้ประเด็นมีน้ำหนักยิ่งขึ้นไปอีก