General

เหรียญ Smart Contract คืออะไร? มีตัวไหนที่น่าจับตามองในปี 2022

Adobe Stock 208833989 862x574 1.jpg

Metaverse และโทเค็นเกม ไปจนถึงการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) และแอป Web 3 ทั้งหมดล้วนถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Smart Contract ทั้งนั้น วันนี้คริปโตสยามจะพาผู้อ่านไปดูเหรียญ Smart Contract ที่น่าจับตามองในปี 2022

แม้ว่าตลาดคริปโตในปี 2022 จะเร่ิมต้นไม่คึกคักเหมือนปีที่แล้ว แต่การพัฒนา Smart Contract ก็ยังดำเนินต่อไป ซึ่ง

Metaverse และโทเค็นเกม ไปจนถึงการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) และแอป Web 3 ทั้งหมดล้วนถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Smart Contract ทั้งนั้น แนวโน้มที่ดำเนินต่อไป ย่อมส่งผลดีต่อเหรียญ Smart Contract ในระยะยาว

วันนี้คริปโตสยามจะพาผู้อ่านไปดูเหรียญ Smart Contract ที่น่าจับตามองในปี 2022

Smart Contract คืออะไร?

Smart Contract หรือสัญญาอัจฉริยะคือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กซึ่งถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน Smart Contract สามารถยืนยันตัวตนได้และไม่สามารถปลอมแปลงแก้ไขข้อมูลได้  นอกจากนี้ยังไม่ต้องอาศัย ‘ตัวกลาง’ มาตรวจสอบความถูกต้องอีกด้วย ปัจจุบันได้มีการนำไปใช้ประโยชน์มากมาย เช่น การสร้างโทเค็นดิจิทัล การสร้างบริการทางการเงินที่อยู่บนบล็อกเชน (DeFi) สามารถใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ในการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยได้ และที่สำคัญคือสามารถนำไปสร้างเกมบล็อกเชนหรือ NFT ได้ด้วย และนี่คือเหรียญ Smart Contract ที่น่าจับตามองในปี 2022

1. Ethereum (ETH)

Ethereum ถูกจับตามองอย่ามากว่าการอัปเกรดเป็น ETH 2.0 จะสมบูรณ์หรือไม่ เพราะนี่จะทำให้การทำธุรกรรมเร็วขึ้นและลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ตอนนี้ปัญหาเรื่องความแออัดของเครือข่ายและค่าธรรมเนียมที่สูง ทำให้นักพัฒนาและนักลงทุนต่างแสวงหาทางเลือกไปที่บล็อกเชนอื่น ๆ

ความท้าทายคือ นี่เป็นการอัปเกรดแบบทีละขั้น และจากรายงานล่าสุดจาก J.P. Morgan ชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหมดจนถึงปี 2023 ซึ่งจะทำให้เครือข่ายอื่นๆ มีโอกาสครั้งใหญ่ในการแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น ตอนนี้ Ethereum ยังคงเป็นส่วนแบ่งอันดับหนึ่งของการใช้งาน และเป็นอันดับสองรองจากบิทคอยน์ (BTC) ในแง่ของมูลค่าตลาด

2. Solana (SOL)

Solana (SOL) เป็นหนึ่งในคริปโตที่มีผลตอบแทนสูงสุดในปี 2021 ในแง่ของราคาตลาด โดยเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 120 เมื่อต้นปี 2021 มาอยู่ที่อันดับที่ 5 ภายในสิ้นปี โดยราคาได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 11,000% เลยทีเดียว

Solana เป็นหนึ่งในคริปโตรวดเร็วที่สุด โดยสามารถประมวลผลธุรกรรมได้ประมาณ 50,000 ถึง 65,000 ต่อวินาที (TPS) เทียบกับ Ethereum ที่ 15 ถึง 45 TPS ต้นทุนเฉลี่ยต่อธุรกรรมอยู่ที่ 0.00025 ตามเว็บไซต์ และมีโครงการมากกว่า 1,000 โครงการในระบบนิเวศ

ไม่น่าแปลกใจที่ Solana ได้กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Ethereum จนได้รับฉายาว่าเป็น Ethereum Killer 

3. Cardano (ADA)

Cardano (ADA) เป็นอีกเหรียญที่ถูกจับตามองอย่างมาก โดยมีแนวทางการพัฒนาที่ช้าแต่สม่ำเสมอ บริษัทที่พัฒนาเลือกที่จะตรวจสอบและทดสอบอย่างละเอียดก่อนที่จะเปิดตัวฟังก์ชันใหม่ เป็นผลให้เปิดตัว Smart Contract ไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วเท่านั้นเอง และถึงกระนั้น Cardano ก็ถูกวิจารณ์บนโซเชียลมีเดีย เนื่องจากนักวิจารณ์กล่าวว่าไม่ได้ส่งมอบทุกอย่างที่สัญญาไว้

Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Cardano กล่าวว่า มีโครงการพัฒนามากกว่า 100 โครงการในระบบนิเวศ โดยจะมีอีก 20 หรือ 30 โครงการที่พร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี 2022 นี่จะเป็นโอกาสของ Cardano ที่จะพิสูจน์ว่านักวิจารณ์คิดผิดหรือไม่ และแสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศของ Cardano ทำอะไรได้บ้าง 

4. Avalanche (AVAX)

Avalanche เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเปิดตัวแอปพลิเคชันการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) รวมถึงโทเค็นและการแลกเปลี่ยนด้วย ซึ่ง AVAX เป็น โทเค็นดั้งเดิมของแพลตฟอร์ม Avalanche ที่ใช้กลไก Proof-of-Stake (PoS) 

ข้อดีอย่างหนึ่งของ Avalanche คือเครือข่ายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจาก AVAX เป็นเหรียญที่ใช้กลไลแบบ Proof-of-Stake (PoS) จึงไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพลังงานในการขุด และโปรโตคอลแบบ PoS นี้จะให้รางวัลแก่ผู้ที่ stake เหรียญด้วย

นอกจากนี้ ผู้ใช้ Ethereum ยังสามารถใช้แพลตฟอร์ม Avalanche เพื่อสร้าง dApps ที่ใช้ภาษา Solidity ได้ ซึ่งเป็นภาษาของ ETH ที่อยู่บน smart contract นั่นเอง สิ่งนี้จะช่วยให้ทุกคนสร้าง smart contract บนแพลตฟอร์มได้อย่างง่ายดาย

5. Cosmos (ATOM)

Cosmos เรียกตัวเองว่าเป็น "อินเทอร์เน็ตของบล็อคเชน" โดยมุ่งเน้นไปที่การทำงานร่วมกัน ทำให้มั่นใจว่าบล็อกเชนต่างๆ สามารถพูดคุยกันได้ เมื่อผู้คนเริ่มใช้เครือข่ายสัญญาอัจฉริยะหลายเครือข่าย การทำงานร่วมกันจึงมีความสำคัญมากขึ้น แทนที่จะมีไซโลส่วนบุคคลที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ วิสัยทัศน์ของ Cosmos คือระบบนิเวศของบล็อกเชนที่สื่อสารระหว่างกัน

6. Algorand (ALGO)

Algorand มีจุดมุ่งหมายในอุตสาหกรรมการเงิน บริษัทเน้นย้ำถึงโครงการ DeFi จำนวนหนึ่งที่ใช้ระบบนิเวศของบริษัท นอกจากนี้ Algorand ยังวางสถานะตัวเองให้เป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) หลายประเทศกำลังพิจารณาที่จะเปิดตัว CBDC ของตนเอง รวมถึงสหรัฐอเมริกา สิ่งนี้เป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับ ALGO

นอกจากนี้ Koibanx ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโตของละตินอเมริกากำลังใช้เทคโนโลยีของ Algorand เพื่อพัฒนาบล็อคเชนในเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ประกาศให้ BTC ถูกกฎหมาย

7. Elrond (EGLD)

Elrond สามารถประมวลผลธุรกรรมได้ 15,000 รายการต่อวินาที แม้ว่าจะไม่เร็วเท่ากับ Solana แต่ได้เปรียบกว่า Ethereum เป็นอย่างมาก Elrond มีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นมิตรกับนักพัฒนา โดยทำงานร่วมกับภาษาต่าง ๆ หลายภาษาและมีแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้

คริปโตดังกล่าวข้างต้นสามารถซื้อขายได้ตามแพลตฟอร์มซื้อขายชั้นนำหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอดีตไม่ได้รับประกันว่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต นักลงทุนไม่จำเป็นต้องใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว เราสามารถลงทุนในพอร์ตโฟลิโอที่มีความหลากหลายได้

DISCLAIMER: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง มุมมองและความคิดเห็นจากผู้เขียนมีวัตถุประสงค์เพื่อในการให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้เป็นการให้ข้อมูลทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่น ๆ ใด นักลงทุนควรศึกษาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันและมีการควบคุมความเสี่ยงอยู่เสมอ  

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

เหรียญคริปโตกลุ่ม AI และ Big Data พุ่งทะยาน 131% ท่ามกลางกระแสขาขึ้นของ Bitcoin
Bitcoin พลิกเกม! MicroStrategy กำไรพุ่งทะลุเพดาน แซงหน้า Apple, Amazon
Sky เปิดตัว USDS Stablecoin ตัวใหม่! บน Solana พร้อมอัดฉีดสภาพคล่องกว่า 5 แสนดอลลาร์
BlackRock Bitcoin ETF Options สร้างสถิติใหม่! มียอดซื้อขายวันแรกทะลุ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์