รู้จัก 5 คริปโตสาย AI พร้อมรายละเอียดครบ เจาะลึก!

แน่นอนว่าตั้งแต่เริ่มต้นปี 2023 คงเป็นเอกฉันทร์แล้วว่าไม่มีอะไรมาแรงไปกว่า AI... หลักๆ ก็คงจากอานิสงส์ของ ChatGPT ที่แรงจนขึ้นชื่อว่าเป็นซอร์ฟแวร์ที่โตเร็วที่สุดในโลกแล้วตอนนี้

จากรายงานของ JPMorgan ที่ไปถามนักลงทุนสถาบันว่าสนใจเทคโนโลยีอะไรกันมากที่สุด ซึ่ง ‘AI’ ก็นำโด่งเป็นอันดับ 1 กินสัดส่วนไป 53% ตามมาด้วย API Intregation 14% ส่วน Blockchain ก็กระเด้งไปอยู่อันดับ 3 ด้วยสัดส่วน 12% เท่านั้น

อ่านข่าวต่อ - ไหงงั้นละพี่! เปิดรายงานพบ 72% นลท.สถาบัน ‘ไม่มีแผนลงทุนในคริปโต’

ทั้งหมดทั้งมวลทำให้การลงทุนใน ‘AI’ เริ่มกลายมาเป็นกระแส คนเริ่มเสาะหาการลงทุนใน AI เพิ่มมากขึ้น หวังจะได้ติดลมบนที่กำลังโหมอย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้ สังเกตดูได้จากหุ้นเทคฯ ที่เกี่ยวข้องที่ราคาพุ่งนำเพื่อนไปไกล หรือแม้แต่คริปโตเองก็เช่นกัน

วันนี้ CryptoSiam จึงได้หยิบเอา 5 คริปโตสาย AI มาให้ได้ชมกัน โดยจะเอาข้อมูลมาจากเว็บไซต์ CoinMarketCap ที่มีการจัดกลุ่มเหรียญสาย ‘AI & Big Data’ ไว้ให้แล้ว แต่เราจะคัดกลุ่ม Big Data โดดๆ ออกไป และมาเจาะดูกันว่าเหรียญอะไรที่เกี่ยวข้องกับเอไอบ้าง ทำงานอย่างไร และอะไรกัน? ที่ทำให้มันน่าสนใจ

1. SingularityNET (AGIX)

“Next Generation of Decentralized AI” นี่คือคำจั่วหัวสุดอลังการของเว็บไซต์โปรเจกต์ ซึ่งสิ่งที่พี่แกทำก็ตามคำโม้ คือ SingularityNET จะนำ AI มาใช้กับ Service ต่างๆ ที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของตน

โดยหลักๆ SingularityNET ก็จะเป็นการให้บริการตลาดซื้อขาย Service ประเภท AI ต่างๆ ที่มีสกุลเงินเป็น AGIX, ระบบ Stake เหรียญ หรือระบบ Bridge เหรียญ เป็นต้น

แต่นอกจากนี้ก็ยังมีโปรเจกต์ย่อยๆ อีกเช่น…

‘Twin Protocol’ ที่หยิบ AI มาใช้สร้าง ‘ร่างแฝด’ ของคุณขึ้นมา ที่จะนำการพูด, อารมณ์, กิจวัตร ไปจนถึงวิศัยทัศน์ หรือทักษะต่างๆ มาสร้างเป็นตัวแทนของบุคคลนั้นๆ เพื่อมาทำงานแทน หรือบริษัทก็สร้างร่างแฝดของพนักงานออกมาได้ เพื่อนำมาแทนพนักงานคนนั้นหลังจากลาออกไปแล้ว เอ่อ…ฟังดูก็น่ากลัวอยู่นะ

นี่เป็นแค่หนึ่งในโปรเจกต์ย่อยของ SingularityNET เท่านั้น นอกจากนี้ก็อย่างเช่น Singularity Studio ที่ให้บริการโซลูชั่นด้วย AI ในระดับองค์กร, Jam Galaxy แพลตฟอร์มสายเพลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI หรือ Hypercycle บล็อกเชน Layer 2 ของ Cardano ที่จะมายกระดับ ‘ความเป็น AI’ ให้กับระบบนิเวศน์

2. Fetch.ai (FET)

หลายคนหวังว่าการมาของ AI จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ของโลกเราได้ อะไรที่ดูยุ่งยากซับซ้อน มีกระบวนการมีขั้นตอนยาวเหยียด ก็ให้แก้ปัญหาได้เพียงแค่คลิกเดียวแล้วที่เหลือก็ให้ AI จัดการ… Fetch อาจจะเป็นคำตอบของคุณก็ได้นะ

ให้พูดง่ายๆ ก็คือ Fetch เป็นระบบที่ใช้ AI/Machine learning เข้ามาแก้ไขปัญหาของสิ่งต่างๆ ในโลก อะไรที่ดูไม่บาลานส์ อะไรที่ดูไม่สมเหตุสมผล ถ้านำเอาระบบ Fetch เข้าไปศึกษาอะไร มันก็อาจจะเสนอทางแก้ที่อยู่ในจุดที่เหมาะสม หรือสมเหตุสมผลต่อทุกๆ ฝ่ายที่สุดออกมาให้ได้ บอกได้เลยว่า Use case ของมันแทบจะไม่สิ้นสุด

ตัวอย่างการแก้ไขปัญหาของ Fetch ที่ทำได้ก็อย่างเช่น…

วางเครือข่ายการขนส่งสาธารณะใหม่

รองรับเมืองแบบ Smart City เพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับพฤติกรรมประชาชน

วางโครงข่ายระบบการส่งกระแสไฟฟ้า

ยกระดับประสิทธิภาพการเทรดของผู้ใช้

อื่นๆ - ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะให้มันเข้าไปแก้ปัญหาอะไร

โดย Fetch ก็มีเหรียญหลักคือ ‘FET’ ที่ราคาก็คงขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานเทคโนโลยีของ Fetch นั่นแหละว่ามีคนใช้เยอะแค่ไหน, เทคโนโลยีล้ำไปถึงไหน เพราะ FET เป็นสกุลเงินหลักของระบบ จะซื้อ จะจ่ายเงินทำอะไร ก็ใช้ FET แทนเงินสด

3. Ocean Protocol (OCEAN)

อยากได้รายได้เสริมไหมละ? Ocean Protocol เปิดให้คุณ ‘นำข้อมูลส่วนตัวของคุณไปขาย’ ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัว และคงความปลอดภัยไว้อยู่เหมือนเดิม ภายใต้เทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันอย่างบล็อกเชน

โดย Ocean Protocol จะแปลงข้อมูลส่วนตัวของคุณให้กลายเป็นคริปโต ภายใต้มาตรฐาน ERC-20 แบบเดียวกับ Ethereum ทำให้ข้อมูลทุกๆ อย่างจะยังคงถูกเข้ารหัสไว้ และปลอดภัยหายห่วงอยู่บนบล็อกเชนได้

ถ้าถามว่าจะไว้ใจได้ไง ก็คงต้องบอกว่าน่าใว้ใจได้ในระดับหนึ่งแหละ ถึงขนาดในปี 2021 ก็ยังเคยได้รางวัล Technology Pioneer จากงาน World Economic Forum อีกด้วย

แล้วใครจะมาซื้อข้อมูลเรา? คนที่จะซื้อก็อย่างเช่นนักวิจัย, นักวิเคราะห์, นักวิทยาศาสตร์ หรือนักการตลาด เป็นต้น

รวมไปถึงข้อมูลเหล่านั้นยังเป็นข้อมูลที่จำเป็นอย่างมากในการพัฒนา AI ที่ก็เป็นจุดมุ่งหมายหนึ่งของโปรเจกต์ที่อยากจะ ‘ปลดล็อค’ ชุดข้อมูลที่ไม่เคยมี AI ตัวไหนเข้าไปศึกษามาก่อน ให้ AI ฉลาดยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของเราๆ มากขึ้น

และแน่นอน เหรียญหลักอย่าง ‘OCEAN’ ก็ถูกใช้เป็นสกุลเงินหลักในการซื้อขายข้อมูลนี้ รวมไปถึงใช้เป็นค่าธรรมเนียมต่างๆ อย่างการ Mint ข้อมูลเราให้กลายเป็นโทเคน เป็นต้น

ดังนั้นก็เท่ากับว่า ยิ่งมีคนเข้ามาใช้งาน Ocean Protocol มากเท่าใด ความต้องการ OCEAN ก็จะมากขึ้นเท่านั้น

4. Numeraire (NMR)

เอาจริงๆ Numeraire ก็คือบริษัทกองทุนดีๆ นั่นเอง โดยจะเปิดให้ใครที่สนใจเข้ามาซื้อกองทุนได้ …แต่แน่นนอน ถ้ากองทุนของ Numeraire เป็นกองทุนธรรมดาก็คงไม่ได้มาอยู่ในลิสต์นี้

Numeraire ใช้เทคโนโลยี AI ที่ดึงข้อมูลมาจาก Data scientist ที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก จากการเปิดทัวร์นาเมนต์ทำนายราคาหุ้น ให้เซียนให้กูรูต่างๆ เข้ามาแข่งขัน ถ้าทายถูกก็รับรางวัลไปเป็นเหรียญ NMR ถ้าทายผิดก็โดนเบิร์นเหรียญทิ้งเท่านั้นเอง

ซึ่ง Numeraire ก็จะเอาข้อมูลชุดนี้แหละมาเป็นแหล่งข้อมูลให้ AI ใช้วิเคราะห์ เพื่อเอาไปวิเคราะห์ตลาดให้แม่นยำขึ้น และเทรดกองทุนตัวเองให้มีผลตอบแทนดียิ่งขึ้นนั่นเอง

5. Artificial Liquid Intelligence (ALI)

Artificial Liquid Intelligence (ALI) เป็นเหรียญหลักของ ‘Alethea’ บริษัทคริปโตสาย AI ที่โลกแล่นอยู่ในวงการ AI แต่ฟีเจอร์ที่ดูเด่น ดูน่าสนใจที่สุดตอนนี้ก็คงจะเป็น ‘CharacterGPT’ โปรแกรมสร้างตัวละครโดยใช้ AI คล้ายๆ กับ ChatGPT

‘CharacterGPT’ จะเป็นการสร้างตัวละครสามมิติออกมาจากคำสั่งที่เป็นตัวหนังสือ ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีรูปร่างหน้าตา, เสียงพูด, นิสัยใจคอ และความเฉลียวฉลาด ฯลฯ ที่ต่างกันออกไป และทั้งหมดนี้แน่นอนว่ามาจากขุมพลังของ AI …แล้วก็อย่าลืมว่าทั้งหมดสร้างขึ้นมาด้วยชุดคำสั่งที่เป็นตัวหนังสือเท่านั้น

โดยตัวละครที่สร้างออกมาก็มี Use case ให้ใช้งานมากมาย ถ้าตามที่เขียนไว้ในเว็บเลยก็อย่างเช่นการสร้าง ‘ฝาแฝดดิจิทัล’, สร้างไกด์ทัวร์ดิจิทัล, สร้างเพื่อนในจินตาการขึ้นมา หรือให้เป็นเลขาส่วนตัวสุดพิเศษสำหรับเราคนเดียวก็ยังได้