การแฮ็ก DeFi ครั้งที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นบน Poly Network ด้วยความสูญเสียกว่า 610 ล้านดอลลาร์
และแล้วข่าวร้ายครั้งใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ซึ่งการแฮ็ก Defi ครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ถูกจารึกเอาไว้ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นบน Poly Network ซึ่งความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 610 ล้านดอลลาร์
และแล้วข่าวร้ายครั้งใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ซึ่งการแฮ็ก Defi ครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ถูกจารึกเอาไว้ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นบน Poly Network ซึ่งความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 610 ล้านดอลลาร์
Poly Network ซึ่งเป็นโปรโตคอลบล็อกเชนที่มีความสามารถในการดู และเข้าถึงข้อมูลผ่านระบบบล็อกเชนต่าง ๆ ทำให้บล็อกเชนเหล่านั้นสามารถทำงานร่วมกันได้แบบไม่มีตัวกลาง ได้ออกมาประกาศถึงความสูญเสียครั้งใหญ่ของพวกเขา ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งภาคอุตสาหกรรมการเงินแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Finance - DeFi) โดยข่าวร้ายครั้งใหญ่ที่ว่านี้ เกิดจากการที่แฮ็กเกอร์ได้เข้ามาบุกรุเครือข่ายดังกล่าว และการแฮ็กระบบ Decentralized Finance ครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นี้ทำให้ Poly Network ถูกโจรกรรมเงินไปกว่า 610 ล้านดอลลาร์
การ แฮ็ก DeFi ที่สร้างความเสียหายในวงกว้าง
ด้วยการที่ Poly Network นั้นถือเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่รองรับ และสนับสนุนระบบ Binance Smart Chain (BSC), Ethereum และ Polygon นั้นจึงทำให้ยักษ์ใหญ่เครือข่ายบล็อคเชนทั้ง 3 นี้ได้ถูกล่วงล้ำพร้อมกันในคราวเดียว!
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางทีมงาน Poly Network ก็ไม่ได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด และพวกเขาได้ทำการ “ประกาศศึก” กับเหล่าแฮ็กเกอร์ที่โจมตีแพลตฟอร์มเพื่อให้พวกเขาคืนเงินที่ขโมยมาก่อนจะสายเกินไป โดยทำการแชร์จดหมายเปิดผนึกบน Twitter อย่างเป็นทางการของแพลตฟอร์ม ซึ่งในจดหมายระบุว่า
“เรียน Hacker เราต้องการสร้างการสื่อสารกับคุณ และขอให้คุณส่งคืนทรัพย์สินที่แฮ็กไป จำนวนเงินที่คุณได้แฮ็กออกไปนั้นถือเป็นยอดสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ DeFi เลยก็ว่าได้ การบังคับใช้กฎหมายในประเทศใด ๆ จะถือว่านี่เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และคุณจะถูกตามล่าอย่างแน่นอน มันไม่ฉลาดมากสำหรับคุณที่จะทำธุรกรรมใด ๆ เพิ่มเติมจากเงินที่คุณขโมยมาจากสมาชิกชุมชน Crypto หลายหมื่นคน คุณควรคุยกับเราเพื่อหาทางแก้ไข”
นอกจากนี้ทาง Poly Network ก็ยังได้ทำการบล็อคการเคลื่อนไหวของ Address สามแห่งที่ได้มีการส่งเงินก้อนดังกล่าวแทบจะในทันทีที่พวกเขาทราบถึงการโจรกรรม
การรับมือการแฮ็ก DeFi นั้นยากลำบากไม่ใช่เล่น
ในความเป็นจริงแล้วการแฮ็กที่เกี่ยวข้องกับโปรโตคอล DeFi นั้นมีรูปแบบที่ค่อนข้างแตกต่างจากกรณีการแฮ็กในอดีตที่เคยพบในเหล่า Exchange แบบรวมศูนย์อย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าหัวใจสำคัญของระบบ DeFi คือการ “กระจายอำนาจ” นั่นจึงทำให้ไม่มีใครสามารถควบคุมสามโปรโตคอลที่ถูกบุกรุกได้เลยเพราะมันเป็นเรื่องของ Smart Contract กับเงินของลูกค้า นั่นเอง
และด้วยความชาญฉลาดของระบบดังกล่าวจึงทำให้มีเพียงแค่ขั้นตอนในการติดตามเงินที่ถูกขโมยโดยเหล่าแฮ็กเกอร์เท่านั้นที่ทำได้โดยง่าย แต่ทว่าการพยายามกู้เงินคืนหากแฮ็กเกอร์ไม่ทำการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยล่ะก็... นี่ถือเป็นงานหินเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ผู้นำในอุตสาหกรรม Crypto รวมถึง Changpeng Zhao ซีอีโอของบริการการแลกเปลี่ยนชื่อดังอย่าง Binance เปิดเผยว่าทางองค์กรนั้นมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการประสานงานกับ “พันธมิตรด้านความปลอดภัยทั้งหมดของเราในการดำเนินการในเชิงรุก” เพื่อกู้คืนเงินทุนที่หายไปเหล่านี้