Griffith ผู้พัฒนา Ethereum กลับเข้าคุกอีก 2 เดือนหลังตรวจสอบบัญชี Coinbase

Virgil Griffith ผู้พัฒนา Ethereum ที่กำลังอยู่ในระหว่างการประกันตัวเพื่อรอการตัดสินคดีของเขาในเดือนกันยายน ได้ละเมิดเงื่อนไขการประกันตัว โดยเขาถูกกล่าวหาว่าพยายามเข้าถึงบัญชี cryptocurrency ของตน

คำสั่งให้ควบคุมตัว Griffith

อัยการมีคำสั่งให้ควบคุมตัวเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม โดยอ้างว่า Griffith ละเมิดเงื่อนไขการประกันตัวในการจำกัดการใช้อินเทอร์เน็ตของเขาอย่างเข้มงวด เขาถูกกล่าวหาว่าเข้าถึง Coinbase และ Ethereum เพื่อติดต่อผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนขอให้ลบฟังก์ชั่นการรักษาความปลอดภัยของบัญชี โดยระบุว่า:

“ฉันต้องการลบข้อมูล เนื่องจาก FBI ยึดอุปกรณ์ของฉันไป”

Virgil Griffith

คำสั่งควบคุมตัวมาจากผู้พิพากษาเขตของสหรัฐอเมริกา P. Kevin Castel หลังจากที่การารายงานว่า Griffith พยายามเข้าถึงทรัพย์สิน Ethereum ที่ Coinbase ตนถือครองในเดือนพฤษภาคม

นักวิจัยของ Ethereum มีแนวโน้มที่จะใช้เวลาสองเดือนข้างหน้าและมีกำหนดจะถูกไต่สวนในวันที่ 21 กันยายน ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรกับเกาหลีเหนือ และต้องเผชิญกับโทษจำคุก 20 ปี

ตาม Law360 ข้อกังวลหลักของผู้พิพากษา Castel คือความเสี่ยงในการบินหนีออกนอกประเทศ เนื่องจากทรัพย์สินที่ Griffith ถืออยู่นั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นแรงจูงใจต่อการตัดสินใจตรวจสอบกระเป๋าเงินของเขา ผู้พิพากษากล่าว

คดีที่รอการพิพากษาในเดือนกันยายน

Griffith ถูกตั้งข้อหาและถูกฟ้องเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2020 หลังจากที่เขาถูกจับกุมในเดือนพฤศจิกายน 2019 ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดที่จะละเมิดพระราชบัญญัติอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ ในขั้นต้นเขาถูกปฏิเสธการประกันตัว แต่ในที่สุดก็ได้รับคำสั่งประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 1 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2019

เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางเชื่อว่าเขาช่วยเกาหลีเหนือในการฟอกเงินโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ หลังจากที่เขาเข้าร่วมการประชุมบล็อคเชนในกรุงเปียงยางในเดือนเมษายน 2019

ในเดือนตุลาคม 2020 Griffith ยื่นคำร้องเพื่อพ้นข้อกล่าวหาสมคบคิด โดยอ้างว่าการนำเสนอการประชุมในเดือนเมษายน 2019 ของเขาประกอบด้วยข้อมูลสาธารณะที่มีอยู่อย่างแพร่หลาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้บริการใด ๆ แก่เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ แต่ทนายความตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าการโต้แย้งในเดือนถัดมาว่านั้น “ไร้สาระ”

ที่มา: cointelegraph