ข่าว Bitcoin

สินทรัพย์ Safe Haven ที่ดีที่สุดประจำปีนี้นั้นไม่ใช่ Bitcoin

Photo 1444653389962 8149286c578a.jpg

แม้ Bitcoin กำลังจะมาแรงแค่ไหนก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้บริษัทด้านการเงินระดับโลกมองว่าสกุลเงินดิจิทัลประเภทนี้เป็นสินทรัพย์ที่เปรียบเสมือนหลุมหลบภัยจากสภาวะความผันผวนของการลงทุนที่ดีที่สุดประจำปีนี้

เนื่องจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาต่ออุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัล ทำให้เราได้เห็นสภาวะตลาดกระทิงหรือตลาดช่วงขาขึ้นของ Bitcoin อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

และการระบาดใหญ่ยังนำเราไปสู่ยุค New Normal ที่การชำระเงินจะเปลี่ยนแปลงมาเป็นแบบไม่ต้องมีการสัมผัสอีกต่อไป โดยบุคคลส่วนใหญ่นั้นมองว่าสกุลเงินดิจิทัลนั้นเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยต่อภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากการอัดฉีดเงินตราเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่พบเห็นได้ทั่วโลก แต่ดูเหมือนว่า Morgan Stanley วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐยังไม่ได้คิดแบบนั้น

มารู้จักกับ Safe Haven กันก่อน

สินทรัพย์แบบไหนจะอยู่รอดปลอดภัย ในวันที่สถานการณ์โลกไม่สงบ? นี่คือคำถามที่เหล่านักลงทุนจะต้องคำนึงถึงเสมอ เพราะการจะหวังพึ่งแต่หุ้นที่มีผลตอบแทนมหาศาล แต่ก็มีความเสียงจากอัตราการผันผวนที่สูงลิ่วจะไม่ส่งผลดีในระยะยาวแน่นอน ยิ่งประสบกับสภาวะที่อะไร ๆ ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ด้วยแล้วล่ะก็ การจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตามจะต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่งั้นรับรองได้ว่ามีเจ็บตัวหนักแน่นอน และนี่จึงเป็นที่มาของ “Safe Haven” หรือสินทรัพย์หลบภัยของเหล่านักลงทุนนั่นเอง

Safe Haven ที่รู้จักกันโดยทั่วไปจะมีด้วยกัน 5 อย่าง ได้แก่

1.ทองคำ
2. พันธบัตรรัฐบาล
3. หุ้นตั้งรับ (Defensive Stock)
4. เงินสกุลใหญ่ ๆ ที่ความมั่นคงสูง
5. เงินสด

แล้วสถาบันทางการเงินระดับโลกรายนี้คิดเห็นอย่างไร?

Morgan Stanley นั้นยังคงสนับสนุนการลงทุนด้วยธนาบัตรอยู่ แม้สกุลเงินอย่างดอลลาร์สหรัฐจะร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 27 เดือนในสัปดาห์นี้เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ปี 2018 ก็ตาม โดยพวกเขาได้แสดงความคิดเห็นว่า

“เรายังคาดการณ์ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) นั้นจะยังเป็นสกุลเงินที่ถือครองตำแหน่ง Safe Haven ที่ดีที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯนั้นต่ำลงทำให้สกุลเงินดังกล่าวเป็นสกุลเงินที่น่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับการทำ Carry Trade”

* Carry Trade เป็นการกู้ยืมเงินในสกุลที่ให้ผลตอบแทนต่ำ หรือเรียกว่าสกุลเงินระดมทุน (Funding currency) เพื่อมาซื้อสินทรัพย์ที่อยู่ในสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า สกุลเงินดอลลาร์นั้นจะยังคงอยู่ในช่วงกราฟขาลงต่อไปและคาดหวังว่าความเชื่อมั่นในความเสี่ยงของเหล่านักลงทุนควรได้รับการสนับสนุนในตอนนี้

แต่ในทางกลับกันเหล่านักยุทธศาสตร์ด้านสกุลเงินรายอื่น ๆ นั้นกำลังกังวลว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินของพวกเขา นาย Boris Schlossberg กรรมการผู้จัดการของ BK Asset Management กล่าวว่า

“ยิ่งพวกเขาเจอทางตันมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่ผู้คนจะหันมาเทขายดอลลาร์ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น และนั่นอาจกลายเป็นความพ่ายแพ้”

ทำไมพวกเขายังคงเชื่อมั่นใน USD

Stephen Roach 1024x711.jpg
Stephen Roach อดีตประธานหน่วยงานทางภูมิภาคเอเชียของ Morgan Stanley

Stephen Roach อดีตประธานหน่วยงานทางภูมิภาคเอเชียของ Morgan Stanley กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจพังลง 35% เมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ โดยเป็นผลมาจากการที่เงินหยวนและเงินยูโรเองก็ประสบกับช่วงขาลงเช่นกัน โดยประเทศจีนและสหภาพยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 40 ของการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งนั่นเป็นตัวการันตีชั้นดีว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะไม่พังทลายลงอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าค่าเงินของสองสกุลเงินจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

GoTyme ธนาคารดิจิทัลที่เติบโตเร็วที่สุดในฟิลิปปินส์ เปิดตัวบริการคริปโตอย่างเป็นทางการ
นักวิเคราะห์เตือน Bitcoin อาจร่วงแตะ 76,000 ดอลลาร์ หากดิ่งลงหลุดแนวรับสำคัญ
BitMine ทุ่ม 199 ล้านดอลลาร์เข้าซื้อ Ether ขณะที่นักเทรดกลุ่ม ‘Smart Money’ กำลังวางเดิมพันขาลง
รายงานจาก Galaxy เผย! บริษัทถือครอง Bitcoin เข้าสู่ “ช่วงเอาตัวรอด” หลังมูลค่าหุ้นดิ่งและพรีเมียมหายวับ