ธนาคารกลางปากีสถานกำลังศึกษา CBDC “อย่างรอบคอบ”

Reza Baqir ผู้ว่าการธนาคารแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน หรือ State Bank of Pakistan ระบุว่าทางสถาบันกำลังศึกษาอย่างรอบคอบถึงความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถเปิดให้บริการสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ในประเทศได้

โดยในการให้สัมภาษณ์กับ Julia Chatterley ผู้สื่อข่าวของ CNN เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (8 เมษายน) Baqir ตั้งข้อสังเกตว่าประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ได้ "แสดงหนทาง" ของความเป็นไปได้เมื่อพูดถึงการออก CBDC โดยเขายังได้กล่าวสรุปเพิ่มเติมถึงแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังความสนใจของ State Bank of Pakistan ที่มีต่อ CBDC

“ผลประโยชน์สำหรับเรามีสองเท่า: ไม่เพียง [การออก CBDC ที่เป็นไปได้] จะช่วยเพิ่มความพยายามของเราในการเพิ่มโอกาสทางการเข้าถึงบริการทางการเงิน แต่ประการที่สองคือ หากธนาคารกลางได้ออกสกุลเงินดิจิทัล มันจะช่วยให้เราสามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปในการต่อสู้เพื่อการต่อต้านการฟอกเงิน เพื่อต่อต้านการจัดหาเงินทุนจากการก่อการร้าย เราอยู่ในขั้นตอนที่เรากำลังศึกษามันอยู่ เราหวังว่าจะสามารถประกาศเรื่องนี้ได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”

Baqir กล่าวเพิ่มเติมว่าธนาคารกลางได้ไฟเขียวกรอบการทำงานเรียบร้อยแล้ว ซึ่งธนาคารดิจิทัลสามารถเริ่มดำเนินการในปากีสถานได้เช่นเดียวกับผู้ท้าชิงหรือกลุ่มนีโอแบงก์ที่ไม่จำเป็นต้องมีการก่อสร้างสาขาธนาคารขึ้นมาจริง ๆ

นอกจากนี้ยังมีประเด็นคำถามเกี่ยวกับ Stripe ซึ่งเป็นฟินเทคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และรายงานว่ามีความสนใจในตลาดปากีสถาน ซึ่งทาง Baqir กล่าวว่า บริษัทนั้นจะ “เป็นที่ต้อนรับอย่างมาก” เขาเน้นย้ำว่าปากีสถานเป็นตลาดที่มีผู้คนจำนวนมากเป็นอันดับ 5 จากทั่วทุกมุมโลก โดยมีความรู้ด้านเทคโนโลยีในระดับสูง และมีประชากรวัยรุ่นมากมาย โดยในมุมมองของเขาปากีสถาน คือ ประเทศ “ที่รอการพุ่งทยานไปไกลสุดตาเท่าที่เกี่ยวการแปลงเป็นดิจิทัลจะพาไปได้”

Baqir ยังตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ธนาคารกลางได้ดำเนินการลดค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างธนาคารซึ่งทำให้ธุรกรรมธนาคารบนมือถือเติบโต 150% –200% สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2020เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปในฤดูใบไม้ผลิปี 2019 ทางธนาคารของรัฐปากีสถานได้เคยประกาศว่ามีเป้าหมายที่จะออก CBDC ภายในปี 2025และในขณะเดียวกันสมาชิกสภานิติบัญญัติของปากีสถานในภูมิภาคก็ได้ให้การสนับสนุนให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ