Metaverse

ที่ดินในโครงการ Otherside ขายหมดภายในไม่กี่ชั่วโมง Yuga Labs ทำรายได้ถึง 317 ล้านดอลลาร์

Otherside Bayc 800x400 1.jpg

โครงการ metaverse ของ Yuga Labs อย่าง Otherside ได้ขายที่ดิน NFT ที่มีอยู่ทั้งหมด 55,000 แปลง หมดไปภายในสามชั่วโมง หลังจากที่เปิดการขายสู่สาธารณะ โดยเริ่มขายตั้งแต่เวลา 21.00 น. ET ในวันเสาร์

โครงการ metaverse ของ Yuga Labs อย่าง Otherside ได้ขายที่ดิน NFT ที่มีอยู่ทั้งหมด 55,000 แปลง หมดไปภายในสามชั่วโมง หลังจากที่เปิดการขายสู่สาธารณะ โดยเริ่มขายตั้งแต่เวลา 21.00 น. ET ในวันเสาร์

จากบัญชี Twitter อย่างเป็นทางการของโครงการ Otherside กล่าวว่านักลงทุนได้ซื้อที่ดิน NFT ทั้งหมดที่เปิดขายและยอมรับการชำระเงินเฉพาะสกุลเงินดิจิทัล ApeCoin (APE) เท่านัน้

ราคา MINT นั้นอยู่ที่ 305 ApeCoin โดยมีมูลค่าประมาณ 5,800 เหรียญสหรัฐ ณ เวลาที่มีการ MINT โดยสามารถนำมาแปลงเป็นเหรียญ NFT ได้ประมาณ 16.7 ล้าน APE คิดเป็นมูลค่า 317 ล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นการ MINT เหรียญ NFT ที่สร้างสถิติใหม่ การ MINT นั้นได้เปิดเสนอขายต่อสาธารณะ โดยขาย NFT ผ่าน smart contract บนบล็อคเชน Ethereum

ผู้ซื้อจะต้องผ่านการตรวจสอบ Know Your Customer (KYC) และมีกระเป๋าเงินคริปโตที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าบนเว็บไซต์ของโครงการ

NFT จะให้สิทธิ์แก่ผู้ซื้อในการอ้างสิทธิ์ในที่ดินโครงการ Otherside metaverse ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริงบนบล็อคเชนที่พัฒนาโดย Yuga Labs หรือผู้สร้างคอลเลคชั่น NFT ชื่อดังอย่าง Bored Ape Yacht Club (BAYC) และ Mutant Ape Yacht Club (MAYC) 

หลังจากการ MINT ในวันนี้ ผู้ถือครอง BAYC และ MAYC จะสามารถอ้างสิทธิ์ในที่ดินฟรีได้ในช่วง 21 วันนี้

ผู้ใช้มากกว่า 27,000 ราย ได้ซื้อที่ดิน NFT 'Otherdeed' จำนวน 55,000 แปลงจากจำนวนการทั้งหมด 100,000 แปลง และส่วนที่เหลืออีก 45,000 แปลง จะถูกรวมอยู่ใน airdrop ที่เปิดให้กับผู้ถือครอง NFT BAYC และ MAYC 

ในฐานะที่เป็นการเปิดตัว NFT ที่ถูกคาดหวังเอาไว้ค่อนข้างสูง การ MINT ที่ดิน Otherdeed ทำให้ค่าธรรมเนียมแก๊สในบล็อกเชน Ethereum ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 10,000 GWEI ตามข้อมูลจาก Etherscan block explorer

สิ่งนี้เป็นผลมาจากสงครามแก๊ส ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผู้ใช้ Ethereum จำนวนมากพยายามซื้อ NFT ในเวลาเดียวกัน และพยายามเสนอราคาให้สูงกว่ากันและกัน โดยใช้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของเครือข่าย การเสนอราคาดังกล่าวอาจทำให้ค่าธรรมเนียมในบล็อคเชนปรับตัวพุ่งสูงขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

และในท้ายที่สุด ข้อมูล on-chain บนเครือข่าย ก็ได้เปิดเผยว่าช่วงสงครามก๊าซของ Otherdeed ได้นำไปสู่การสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นอีก 172 ล้านดอลลาร์ โดยค่าธรรมเนียมก๊าซในการทำธุรกรรม ทำให้ผู้ซื้อแต่ละราย ต้องเสียค่าใช้จ่ายระหว่าง 4,000 ถึง 10,000 ดอลลาร์ ค่าธรรมเนียมที่สูงเช่นนี้ทำให้หลายคนบ่นว่าพวกเขาไม่สามารถซื้อสินค้าได้

ผู้พัฒนา Ethereum Foobar ได้วิจารณ์ Yuga Labs บน Twitter สำหรับการเขียน smart contract ที่ไม่เหมาะสำหรับสงครามแก๊ส

นอกจากนี้ยังมีการแสดงความคิดเห็นอื่น ๆ เกี่ยวกับสงครามแก๊ส Yuga Labs กล่าวว่า โครงการ Otherside Metaverse อาจต้องการย้ายออกจากเครือข่าย Ethereum ไปยังบล็อคเชน Layer 1 ของตัวเอง เพื่อปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาดอีกด้วย

DISCLAIMER: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง มุมมองและความคิดเห็นจากผู้เขียนมีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้เป็นการให้ข้อมูลทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่น ๆ ใด นักลงทุนควรศึกษาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันและมีการควบคุมความเสี่ยงอยู่เสมอ 

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
แท็ก:
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

BlackRock สร้างปรากฏการณ์! ยอดเงินไหลเข้ากองทุน Spot Bitcoin ETF ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว
มูลค่าการถือครอง Bitcoin ของ MicroStrategy พุ่งทะลุ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ สร้างผลตอบแทนเกินกว่า 100%
Bitcoin พุ่งแตะ 81,000 ดอลลาร์ นักเทรดสาย Short ถูกล้างพอร์ต 180 ล้านดอลลาร์ภายในครึ่งวัน
นักวิเคราะห์คาด Ethereum มีโอกาสทะลุ 3,200 ดอลลาร์ หลังยอดการซื้อขายของ ETF กลับมาเป็นบวก