Visa เตรียมสร้างโปรเจค Universal Adapter แปลงสกุลเงินดิจิทัลอัตโนมัติ

Visa เตรียมสร้างระบบซัพพอร์ตเหรียญ CBDC ของหลายสกุลเงิน

ในเวลานี้ทั่วทุกมุมโลกต่างให้ความสนใจกับเหรียญคริปโตและ CBDC มากขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลหลายประเทศก็ได้ริเริ่มโครงการ CBDC ของตัวเองขึ้นมาซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยเราเองก็กำลังทดสอบการใช้งานไทยบาทดิจิทัลอยู่

เมื่อประเทศต่าง ๆ เริ่มมี CBDC ของตัวเอง ยักษ์ใหญ่ด้านการชำระเงินอย่างวีซ่าก็คงจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาบริษัท Visa ก็ได้ประกาศสร้างระบบที่จะซัพพอร์ต CBDC และเหรียญ Stablecoin หลาย ๆ เหรียญให้สามารถโอนไปมาระหว่างกันได้

Visa เตรียมสร้างระบบ “Universal Adapter” ที่สามารถซัพพอร์ตเหรียญ Stablecoin และเหรียญ CBDC หลาย ๆ สกุลเงินด้วยกัน โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของวีซ่า ทางทีมงานได้ประกาศว่าทีมงานวีซ่านั้นกำลังสร้างระบบ “Univeral Payment Channel (UPC)” อยู่

ระบบ UPC นี้จะเป็นระบบที่สามารถให้ผู้คนที่ใช้สกุลเงิน CBDC ที่แตกต่างกัน หรือใช้ Private Blockchain ของเหรียญ Stablecoin ที่แตกต่างกันมาใช้งานร่วมกันได้ นั่นหมายถึงไม่ว่าผู้ใช้จะถือสกุลเงิน CBDC ใด ก็สามารถใช้งานระบบ Visa ได้ด้วยกันหมด

การสร้างระบบ UPC เป็นการเพิ่มช่องทางให้เครือข่าย Blockchain หลาย ๆ เครือข่ายสามารถโอนสินทรัพย์ดิจิทัลจากโปรโตคอลหรือวอลเล็ทอันหนึ่งไปยังวอลเล็ทอันอื่น ๆ ที่ใช้ Blockchain ต่างกันได้ หรือสามารถโอนเหรียญ CBDC ของสกุลเงินประเทศต่าง ๆ ไปยังอีกประเทศหนึ่ง แล้วตัว Hub นี้ก็จะทำการแปลงเป็นสกุลเงิน CBDC ปลายทางให้เลยอัตโนมัติ

ผู้ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกใช้งาน UPC ได้

ทีมงานวิจัยและพัฒนาโปรเจค UPC ได้ริเริ่มโปรเจค UPC มาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ซึ่งในตอนนั้นทางทีมงานก็ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างช่องทางที่จะทำให้กลไก Blockchain หลาย ๆ อันสามารถทำงานร่วมกันได้

“โปรเจค UPC ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครือข่ายของเครือข่าย Blockchain เพิ่มมูลค่าให้กับการเคลื่อนย้ายเงินหลาย ๆ ประเภท ทั้งที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายของวีซ่าหรือนอกเหนือจากนั้น”

อ้างอิงจากประกาศของ Visa

ก่อนหน้านี้บริษัทวีซ่าได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท Circle เพื่อซัพพอร์ตเหรียญ USDC ให้สามารถใช้จ่ายกับบัตรเครดิตบางประเภทได้ ซึ่งเมื่อวีซ่าได้เปิดใช้ระบบการชำระเงินด้วยคริปโตก็มีการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไตรมาสแรกของปี 2021 ถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างดี