รองนายกฯ ยูเครนขอให้เว็บเทรดคริปโตบล็อกบัญชีของคนรัสเซีย

• รองนายกรัฐมนตรียูเครนเรียกร้องให้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตทั้งหมดบล็อกที่อยู่ของผู้ใช้งานชาวรัสเซีย
• ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนรุนแรงขึ้น เมื่อกองทหารรัสเซียมุ่งเป้าไปที่เมืองหลวงของประเทศยูเครน
• คำขอบล็อกบัญชีซื้อขายคริปโตยังเป็นที่ถกเถียงกันระหว่างผู้ใช้

รองนายกรัฐมนตรียูเครนขอให้แพลตฟอร์มคริปโตทั้งหมดบล็อกผู้ใช้ชาวรัสเซีย

Mykhailo Federov รองนายกรัฐมนตรีของยูเครนได้จุดประกายประเด็นที่ถกเถียงบน Twitter ในวันนี้ เนื่องจากเขาต้องการให้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตทั้งหมดบล็อกบัญชีผู้ใช้ที่เป็นพลเมืองรัสเซีย สิ่งนี้จะช่วยแยกรัสเซียออกจากเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลก ประเด็นนี้มีการตอบรับที่หลากหลายจากชุมชนคริปโต เนื่องจากหลายคนเชื่อว่านี่ไม่ใช่ไอเดียของ web3 และการกระจายอำนาจ ส่วนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตทั้งหมดจะทำตามและปฏิบัติตามคำขอของ Fedorov หรือไม่นั้นยังไม่ทราบ

กองกำลังรัสเซียเคลื่อนเข้ามาในเขตชายแดนของยูเครน

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กองกำลังรัสเซียได้เคลื่อนกำลังเข้าเขตชายแดนของยูเครน ทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศ ต่อไปนี้เป็นผลมาจากความขัดแย้งที่ไม่แน่นอนระหว่างรัสเซียและยูเครน กองทหารรัสเซียบุกรุกเมืองหลวง Kyiv ของยูเครนเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่วลาดิมีร์ปูตินประกาศการบุกรุกเต็มรูปแบบ

การรุกรานของปูตินสร้างความไม่พอใจให้กับหลายประเทศในกลุ่ม NATO ซึ่งส่งผลให้มีการคว่ำบาตรรัสเซียในเวลาต่อมา เช่น การตัดขาดธนาคารรัสเซียออกจาก SWIFT ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ ตั้งแต่นั้นมา ค่าเงินรูเบิลรัสเซียร่วงลง 20% ทำให้เกิดความกลัวและความตื่นตระหนกในหมู่พลเมืองรัสเซีย ประชาชนเข้าคิวหน้าธนาคารเพื่อถอนเงินสด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสกุลเงินประจำชาติ

การบล็อกบัญชีคริปโต ทำให้เกิดการโต้เถียงอย่างกว้างขวาง

หลังจากที่นาย Federov นายกรัฐมนตรีของยูเครนได้ขอให้เว็บเทรดคริปโต บล็อกที่อยู่ของผู้ใช้รัสเซียไม่ให้แลกเปลี่ยนเงินผ่านคริปโต ผู้ถือสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมากได้ร้องเรียนบน Twitter โดยกล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่าการกระทำนี้ขัดต่อหลักจริยธรรมของ Web3 และการเงินแบบกระจายอำนาจ ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลไม่ควรมีใครมาควบคุมได้

Fedorov ชื่นชม DM Market ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายไอเท็ม NFT และ Metaverse ในเกม ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกที่ดำเนินการและบังคับใช้การแบนครั้งนี้

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากยูเครนได้รับเงินบริจาคมูลค่าหลายล้านดอลลาห์เป็นบิทคอยน์ (BTC), Ethereum (ETH) และ USDT จากประเทศอื่น ๆ เพื่อช่วยในการทำสงครามกับรัสเซีย