วาฬ NBA เปิดตลาดกู้ยืม NFT ด้วยงบ 4.5 ล้าน
Michael Levy วาฬเจ้าของผลงาน NFT ของตลาด Top Shot แห่งวงการ NBA เปิดตัวตลาดกู้ยืม NFT เอื้อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาร่วมลงทุนได้ง่ายขึ้น
Michael Levy วาฬเจ้าของผลงาน NFT ของตลาด Top Shot แห่งวงการ NBA เปิดตัวตลาดกู้ยืม NFT เอื้อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาร่วมลงทุนได้ง่ายขึ้น
วาฬ NBA ปิ๊งไอเดียสร้าง Flowty ตลาดกู้ยืม NFT ในรูปแบบ Peer-to-Peer ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Flow Blockchain ระดมทุน 4.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรอบแรก โดยมีบริษัทลงทุนคริปโตอย่าง Greenfield One และ Lattice Capital เป็นผู้นำทีมในครั้งนี้ ซึ่งเงินที่ได้รับจากการระดมทุนข้างต้นจะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม และเพิ่มจำนวนทีมงานด้านวิศวกรรม และทีมนักพัฒนาต่อไปในอนาคต แน่นอนว่า ในการระดมทุนเพื่อจัดตั้งแพลตฟอร์มกู้ยืม NFT ในครั้งนี้ ทาง Dapper เองก็ไม่พลาดที่จะเข้าร่วมระดมทุนพร้อมกันกับบริษัทร่วมลงทุนอีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Stermion, Tiny VC, Luno Expeditions and Red Beard Ventures ทั้งนี้ Michael Levy ผู้ร่วมก่อตั้ง Flowty ก็ได้ออกมากล่าวว่า
“พวกเราในฐานบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่จะเอื้อให้การทำธุรกรรมระหว่างผู้ปล่อยสินเชื่อ และผู้ยืมสามารถดำเนินการร่วมกันได้อย่างง่ายดายมากขึ้น โดพยที่พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องกังวลถึงกฎระเบียบที่ยุ่งยาก”
วาฬ NBA คือใคร?
Michael Levy เป็นหนึ่งในวาฬนักลงทุน Non-Fungible Token (NFT) และผู้ประกอบการบริษัทผู้ให้บริการกู้ยืม NFT รายใหม่ Levy ได้ก้าวเข้ามาสู่วงการคริปโตจากความเบื่อหน่ายในระหว่างที่ต้องกักตัวจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ก่อนจะตัดสินใจหันกลับมาทำสิ่งที่เขาหลงใหลมาอย่างยาวนาน ผ่านการลงทะเบียนเข้าใช้งานบน Top Shot ของ NBA เพื่อเข้าสะสมของที่ระลึกจากการแข่งขันกีฬาในทันที ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาได้กลายเป็นนักลงทุนรายใหญ่รายแรกบนแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างขึ้นโดย Dapper Labs และเริ่มก่อตั้ง Flow Blockchain ขึ้นมานั่นเอง ทั้งนี้ Levy ได้ออกมากล่าวเพิ่มเติมว่า
“ตลาดกู้ยืมแบบ Peer-to-Peer เป็นฟีเจอร์สำคัญตัวแรกที่บริษัทสร้างขึ้นมา โดยในระหว่างนี้เรากำลังดำเนินการพัฒนาในส่วนอื่น ๆ อยู่ ซึ่งวิสัยทัศน์ขององค์กรก็คือการได้ขึ้นแท่นเป็นผู้ให้บริการชั้นนำในตลาดการเงินของโลก NFT”
คอนเซปต์การทำงานของ Flowty
Levy ระบุว่าตลาดกู้ยืม NFT ตัวใหม่นี้จะเปิดให้บริการแก่ผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ไม่สามารถเข้าใช้บริการธนาคารได้ตามปกติ หรือ แม้แต่คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการให้บริการด้านการเงินที่แข็งแกร่งก็ตาม โดยผู้ที่ต้องการจะกู้ยืมผลงานสามารถสร้างรายชื่อ NFT พร้อมระบุจำนวนเงิน, อัตรา และระยะเวลาที่ต้องการ ในขณะที่ผู้ให้กู้ยืมก็จะสามารถเลือกสินทรัพย์ที่พวกเขาสนใจได้ ก่อนจะมอบเงินทุนให้กับผู้กู้ยืม เพื่อหารายได้ในระหว่างนั้น พร้อมกันนี้หากผู้กู้ยืมไม่สามารถจะหาเงินมาคืนได้ตามกำหนด ผู้ให้กู้สามารถยึดผลงานชิ้นดังกล่าวมาเป็นของตนเองได้โดยอัตโนมัติอีกด้วย ในส่วนของค่าธรรมเนียมนั้น Flowty จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการให้กู้ยืม เมื่อเงินทุน และสินทรัพย์ที่ถูกยืมไปเกินระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้
ตลาดกู้ยืม NFT แห่งใหม่รองรับเหรียญอะไรบ้าง?
อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มกู้ยืม Flowty ในเวอร์ชัน Beta นี้ สามารถรองรับการใช้งานเหรียญ Stablecoin ที่ทำงานบนเครือข่าย Flow Blockchain อย่าง FUSD และ tUSDT โดยล่าสุดทางทีมงานเพิ่งจะดำเนินการเพิ่มฟังก์ชันรองรับการใช้งานของโทเคนประจำแพลตฟอร์มอย่าง FLOW และ เหรียญ Stablecoin ชื่อดังอย่าง USDC เพิ่มเข้าไปในระบบด้วยเช่นเดียวกัน
Top Shot ของ NBA ได้รับความสนใจจากแฟนกีฬาอย่างล้นหลาม
ตลาดซื้อขาย NFT แห่งแรกที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ NBA และ Dapper Labs กลายเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลรายใหญ่รายแรกที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยกระแสความสนใจจากแฟนกีฬา และราคาของผลงานที่ได้ทะยานขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งในช่วงต้นปี 2021 ส่งผลให้ตลาดสามารถทำยอดขายทะลุ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี นอกจากนี้ ทางด้าน Roham Gharegozlou ซีอีโอแห่ง Top Shot ยังได้ออกมากล่าวว่า
“ตลาด NFT ที่จัดจำหน่ายช่วงเวลาสำคัญของวงการกีฬาบาสเกตบอลที่เกิดจากการร่วมมือกับทาง Dapper Labs มีจำนวนผู้เข้าใช้งานพุ่งทะลุ 1 ล้านรายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้งานเกินครึ่งยังได้ชำระเงินสำหรับแพคเกจ หรือ สำหรับการซื้อขายมาแล้วกว่า 150,000 ถึง 250,000 รายที่ได้ลงทะเบียนเข้าใจงานในทุก ๆ วันอีกด้วย”
แน่นอนว่า Levy หรือ วาฬรายใหญ่แห่งวงการ NBA ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลตอบแทนอย่างงามจากการเข้าลงทุนในช่วงที่แพลตฟอร์มเพิ่งเปิดตัวในช่วงแรก ๆ โดยการประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ช่วยทำให้ Dapper มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนเมษายน ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่มีมูลค่าอยู่ที่ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ