The Merge จะไม่ลดค่าธรรมเนียมแก๊ส: 3 วิธีในการประหยัดค่าธรรมเนียมแก๊ส

เมื่อ Merge กำลังใกล้เข้ามา ได้มีการพูดถึงหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ Ethereum กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการพูดเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องค่าธรรมเนียมหลังการ The Merge พื้นฐานค่าธรรมเนียมแก๊ส Ethereum ระบุว่า การอัปเกรดชั่วคราวของ PoS ที่กำลังจะเกิดขึ้น –The Merge - จะไม่ลดค่าธรรมเนียมแก๊สดังที่กล่าวเอาไว้

"ค่าธรรมเนียมแก๊สเป็นผลจากความต้องการเครือข่ายที่สัมพันธ์กับความจุของเครือข่าย The Merge เลิกใช้ Proof-of-work โดยเปลี่ยนไปใช้ Proof-of-stake เพื่อดูฉันทามติ แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพารามิเตอร์ใด ๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อความจุของเครือข่ายหรือปริมาณงาน"

อาจเป็นจริงที่ค่าธรรมเนียม Gas ที่มีราคาแพงแต่ไม่เคยหยุดผู้ใช้ Ethereum รุ่นอาวุโสจากการมีส่วนร่วมกับระบบนิเวศ Ethereum ซึ่งเกี่ยวข้องกับความผู้ใช้รุ่นอาวุโสในตลาดคริปโต แต่สภาวะตลาดหมีในปัจจุบัน ราคา ETH อยู่ที่ประมาณ 1,600 ดอลลาร์ แต่เมื่อก่อน ETH เคยมีราคาถูกมากราคาเพียง 0.4209 ดอลลาร์ในการซื้อ ETH ในปี 2015 เป็นช่องว่างราคาขนาดใหญ่ทำให้ผู้ใช้คริปโตรุ่นอาวุโสที่เข้าร่วมมาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ได้เปรียบเนื่องจากมี ETH จำนวนมาก สำหรับพวกเขาแล้ว ระดับของค่าธรรมเนียมก๊าซดูเหมือนจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

สำหรับผู้ใช้ Ethereum ทั่วไปและผู้เริ่มต้นในการเข้ารหัสลับ ค่าธรรมเนียมแก๊สที่มีราคาแพงยังคงเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ขัดขวางไม่ให้ผู้เริ่มต้นใหม่เข้าสู่ระบบนิเวศของ Ethereum ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2016 ถึงพฤษภาคม 2017 ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบน Ethereum อยู่ระหว่าง $0.01 ถึง $0.10 อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2021 ค่าธรรมเนียมแก๊สเฉลี่ยอยู่ที่ 69 ดอลลาร์ต่อธุรกรรม

ผู้เริ่มต้นใช้งานคริปโต จะไม่ค่อยเต็มใจจ่ายค่าธรรมเนียมแก๊สที่จำเป็นในการเข้าร่วมในโครงการ DeFi หรือ GameFi ขับเคลื่อนด้วย Ethereum ไม่เพียงเพราะค่าธรรมเนียมมีราคาแพง แต่ยังเพราะผู้ใช้งานยังใหม่ต่อพื้นที่คริปโต ดังนั้นจึงไม่เชื่อถือระบบนิเวศ ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ส่วนใหญ่จึงมีกลยุทธ์ทางการตลาดแยกต่างหากสำหรับการดึงดูดผู้ใช้ใหม่ ตัวอย่างเช่น SMS ที่รู้จักกันดี เคยเป็นเครื่องมือรับส่งข้อความที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก แต่ตั้งแต่ปี 2019 WhatsApp ได้เข้ามาแทนที่ SMS ในสหราชอาณาจักรอย่างช้าๆ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วจะใช้ได้ฟรี ผู้ให้บริการมือถือในสหราชอาณาจักรคิดค่าธรรมเนียม 0.07 ถึง 0.11 ปอนด์สำหรับการใช้ SMS แม้ว่าอัตราจะดูไม่สูงนัก  เนื่องจากมีคนใช้เครื่องมือนี้บ่อยขึ้นและเมื่อคู่แข่งเริ่มให้บริการที่คล้ายกันในราคาที่ถูกกว่า อัตราเหล่านี้ยังสร้างอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งปิดกั้นผู้ใช้จำนวนมากขึ้น สิ่งนี้ยังใช้กับผู้ใช้ใหม่และทีมนักพัฒนาใหม่ในพื้นที่ crypto เมื่อเทียบกับการจ่ายค่าธรรมเนียมราคาแพงบน Ethereum มีการค้นหาระบบนิเวศใหม่ๆ ที่มีราคาถูกกว่า จึงเป็นทางเลือกใหม่ ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจแสวงหากำไรตามปกติและหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่มากขึ้น

สำหรับนักลงทุนรายย่อย ยังคงมีหลายวิธีในการลดค่าธรรมเนียมแก๊ส:

1. ระวังความแออัดของเครือข่ายและเพิ่มประสิทธิภาพชั่วโมงการทำธุรกรรมของคุณ

บน Ethereum ธุรกรรมอาจถึงจุดสูงสุดในบางวันหรือบางชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ต้องเพิ่มค่าธรรมเนียมแก๊ส ถ้าหากการทำธุรกรรมไม่เร่งด่วน การรอจนกว่าเครือข่ายไม่หนาแน่นเป็นวิธีที่ดีในการประหยัดแก๊ส

2. กำหนดกลยุทธ์การทำธุรกรรมด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือ

คุณสามารถใช้เครื่องมือเพื่อจำลองธุรกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องดำเนินการธุรกรรมจริง ซึ่งช่วยให้คุณติดตามและปรับค่าธรรมเนียมแก๊สที่จำเป็นก่อนชำระค่าธรรมเนียม

ตัวอย่างเช่น DeFi Saver เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่ช่วยให้คุณจัดการธุรกรรม Ethereum ประเภทใดก็ได้ และทดสอบและปรับธุรกรรมของคุณด้วยการเรียกใช้โหมดการจำลอง

3. เลือกบล็อคเชนที่มีค่าแก๊สต่ำกว่า

Ethereum ไม่ใช่เครือข่ายสาธารณะเพียงแห่งเดียวในตลาด เมื่อพิจารณาถึงอุปสรรคของ Ethereum ที่เกิดจากค่าธรรมเนียมแก๊สที่สูง ผู้ใช้บางรายให้ความสนใจกับเครือข่ายสาธารณะใหม่ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า

ราคาก๊าซปัจจุบันของ Ethereum ตอนนี้ ค่าธรรมเนียมแก๊ส ปกติของ Ethereum อยู่ที่ $0.46

เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมแก๊สบนเครือข่ายสาธารณะ

ตอนนี้ เราจะแนะนำระบบนิเวศเครือข่ายสาธารณะอื่นๆ อีกหลายแห่ง และเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมแก๊สด้วย

1. BNB Chain เป็นเครือข่ายสาธารณะที่พัฒนาโดย Binance ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตชั้นนำ ในฐานะที่เป็นเชนที่เข้ากันได้กับ EVM นั้น BNB Chain จะดึงดูดผู้ใช้ที่ไม่แนะนำให้ใช้ Ethereum เนื่องจากค่าธรรมเนียมแพง นอกจากนี้ เครือข่ายสาธารณะยังพยายามที่จะเพิ่มขีดความสามารถของระบบนิเวศและสรรหาผู้ใช้ใหม่ ๆ มากขึ้นโดยแตะที่ BNB Token

ดังแสดงในรูปด้านล่าง BNB Chain เหนือกว่า Ethereum ในแง่ของค่าธรรมเนียมแก๊ส สำหรับ BNB Chain ค่าธรรมเนียมแก๊สปกติของ BNB Chain อยู่ที่ 5.1 Gwei (ประมาณ 0.03214 เหรียญ) 

2. มุ่งสร้างระบบ DeFi ที่มีประสิทธิภาพ CoinEx Smart Chain (CSC) เป็นเครือข่ายสาธารณะที่เข้ากันได้กับ EVM ซึ่งสร้างโดย CoinEx ในฐานะที่เป็นการแลกเปลี่ยน crypto ระดับโลกมุ่งมั่นที่จะ "ทำให้การซื้อขาย Crypto ง่ายขึ้น" CoinEx นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้งานง่ายและมุ่งมั่นที่จะแนะนำผู้ใช้ใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรม blockchain โดยขจัดอุปสรรคของพื้นที่ crypto CSC ยังใช้ PoS และมีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยและความเสถียรที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพสูง และค่าธรรมเนียมแก๊สต่ำ สำหรับ CSC ราคาแก๊สปกติอยู่ที่ $0.01 (ดูรูปด้านล่าง)

ค่าธรรมเนียมก๊าซที่ถูกกว่าช่วยให้ผู้ใช้รายย่อยรวมถึงทีมนักพัฒนาใหม่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก CSC กำลังเป็นเจ้าภาพจัดงาน CSC global hackathon ครั้งที่สองซึ่งมีเงินรางวัลมากมาย เข้าร่วม Hackathon หากคุณต้องการเปิดโครงการใหม่: https://cscchallenge.devpost.com/

3. Huobi Ecological Chain (Heco) เป็นเครือข่ายสาธารณะที่กระจายอำนาจซึ่งมีการทำธุรกรรมที่มีประสิทธิภาพและความเข้ากันได้กับสัญญาอัจฉริยะ Heco มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือนักพัฒนาในทุกขั้นตอนของการเติบโต Heco มุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งด้วยวงจรปิดตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยีไปจนถึงการโปรโมตแอปไปจนถึงการทำธุรกรรม ภายใต้สถานการณ์ปกติ ค่าธรรมเนียมแก๊สของ Heco อยู่ที่ 2.6 Gwei (ประมาณ 0.016385 ดอลลาร์)

บทความนี้จัดทำขึ้นและได้รับการสนับสนุนโดย CoinEx

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง ข้อมูลในบทความนี้แสดงถึงมุมมองและความคิดเห็นของ [CoinEx] และไม่ใช่มุมมองหรือความคิดเห็นของ Cryptosiam หรือบริษัทในเครือแต่อย่างใด บทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำ หรือชักชวนให้ซื้อ หรือขายคริปโต/ การประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล Cryptosiam และบริษัทในเครือขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้นเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านเองและถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว