StepN และ Move-To-Earn เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราวหรือถือว่าเป็น NFT ที่แท้จริง?

Move-to-Earn เป็นอีกเวอร์ชันที่ถูกพัฒนามาจาก Play-to-Earn ซึ่งรวมเอาปัจจัยสามประการ ได้แก่ GameFi, SocialFi และ NFT เข้าด้วยกัน

นับตั้งแต่จุดสูงสุดในปี 2021 ของยุครุ่งเรือง non-fungible token (NFTs) แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะอยู่ในช่วงขาลงแล้ว

สัญญาณทั้งหมดนับตั้งแต่ปริมาณการซื้อขายในตลาด NFT ข้อกังวลเกี่ยวกับการฉ้อโกง ต่างก็เอื้อให้สิ่งนี้มีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง อย่างไรก็ตาม อีกเวอร์ชั่นของเกม NFT ที่พัฒนามาจาก Play-to-Earn ก็ได้เกิดขึ้นและเข้ายึดครองตลาดสกุลเงินดิจิทัล โดยเรียกว่า Move-to-Earn

StepN ของ Solana กำลังได้รับความนิยม

Move-to-Earn เป็นอีกเวอร์ชั่นที่เป็นขั้นกว่าของ Play-to-Earn โดยรวมเอาปัจจัยสามประการ ได้แก่ GameFi, SocialFi และ NFT เข้าด้วยกัน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากความคิดริเริ่มที่พยายามจะส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ซึ่งผู้ใช้จะได้รับรางวัลเมื่อทำภารกิจของแอปพลิเคชันนั้น ๆ ได้เสร็จสิ้น ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ move-to-earn ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วอันเป็นผลมาจากการบริการ ผลประโยชน์ และคุณค่าที่ได้รับอย่างแท้จริง

StepN มีผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่การเปิดตัว โดยตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 1,500 คนในเดือนมกราคม กลายเป็นมากกว่า 100,000 คนในเดือนมีนาคม

ในบรรดาโครงการ Move-to-Earn ที่เกิดขึ้นขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ‘StepN’ คือ move-to-earn ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นที่สุด ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นไลฟ์สไตล์ Web3 ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Solana โดยผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างได้ เช่น การเดินหรือวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นเพื่อแลกกับรางวัลตอบแทน

การจะเริ่มเล่นหรือการเริ่มสร้างรายได้จาก StepN ผู้ใช้จำเป็นต้องสร้าง ซื้อ หรือเช่ารองเท้า NFT สำหรับการทำกิจกรรม โดยในขณะนี้ ราคาที่ถูกที่สุดสำหรับรองเท้าเสมือนหนึ่งคู่คือประมาณ 10 SOL ซึ่งมีราคาเท่ากับหรือมากกว่า 870 ดอลลาร์ โดยราคารองเท้านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือน

แต่ละคู่จะมีฟังก์ชันเฉพาะที่ตอบสนองความต้องการแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการเดินหรือวิ่งจ็อกกิ้ง ซึ่งขณะนี้มีรองเท้าทั้งหมดอยู่สี่ประเภท ได้แก่ วอล์คเกอร์, จ็อกเกอร์, รันเนอร์ และเทรนเนอร์

ราคาของรองเท้าเสมือนจริงเหล่านี้จะพิจารณาจากองค์ประกอบต่าง ๆ รวมไปถึงฟังก์ชัน ความหายาก และเกรดของรองเท้า

แรงจูงใจเบื้องหลังความสำเร็จของ StepN อาจแตกต่างกันไป ซึ่งรวมไปถึงองค์ประกอบของความอยากรู้ วิถีชีวิต มรดกจากความสำเร็จของ P2E และการเงินแบบกระจายอำนาจ

จากข้อมูลของ CoinGecko มูลค่าของโทเค็นที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของโครงการ StepN หรือโทเค็น GMT ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 34,000% ในเวลาเพียง 41 วันหลังจากการจดทะเบียนใน Binance Launchpad

มันจะไปได้อีกไกลแค่ไหน?

Move-to-Earn ได้เดินทางมาถึงช่วงที่สมบูรณ์แบบหรือเรียกได้ว่ารุ่งเรืองที่สุด ในขณะที่ทั้ง Play-to-Earn และ GameFi เริ่มแสดงสัญญาณของความอิ่มตัวแล้ว

หลายคนที่เข้าร่วม StepN เพราะหวังว่ามันจะได้พัฒนาเป็นแผนการสร้างรายได้ระยะยาวเทียบเท่ากับเกม Axie Infinity แต่ในทางกลับกัน ชุมชนที่เหลือที่หันไปหา StepN ก็เพื่อการสัมผัสประสบการณ์ใหม่เท่านั้น

หลายคนรู้สึกว่าแนวคิด Move-to-Earn นั้นมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากตัวแปรที่หลากหลายที่จะส่งผลต่อการเติบโตในระยะยาว

ในทางกลับกัน StepN ถือว่าเป็นโมเดลที่เหมาะสมอย่างมากที่จะเข้าร่วม หากคุณชื่นชอบในการวิ่งและมีความกระตือรือร้นที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย การเข้าร่วมโมเดลนี้จะช่วยให้คุณวิ่ง และการวิ่งนั้นจะช่วยให้คุณสร้างรายได้ ซึ่งก็เป็นสถานการณ์ที่วิน-วิน ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

Axie Infinity ยังถือว่าครองโลกของเกม NFT ที่เล่นเพื่อหารายได้อยู่และยังถูกจัดประเภทเป็น GameFi อีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวในการผลิต GameFi ต่าง ๆ ในโลก

แม้ว่าเกม Axie Infinity จะยังคงได้รับความนิยม แต่จำนวนผู้เล่นที่มีส่วนร่วมก็เริ่มลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จำนวนผู้เล่นสูงสุดที่เล่นเกมจนถึงตอนนี้ ลดลงกว่าครึ่งเล็กน้อยจากในเดือนพฤศจิกายน ปี 2021

Move-to-Earn ถือได้ว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่แผ่ขยายไปทั่วธุรกิจ NFT และหลังจากนั้น เกมอื่น ๆ จำนวนมากก็เริ่มอนุญาตให้ผู้เล่นสามารถทำเงินได้ เช่น Socialfi (การรับเงินผ่านกิจกรรมโซเชียล) และ CALO (การออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่เพื่อรับรหัสยูทิลิตี้ และโทเค็น)

แต่ละเกมที่ได้กล่าวไปนั้นได้รับการออกแบบเพื่อสะท้อนถึงกิจกรรมบางประเภทในสังคมปัจจุบัน โดยเกม move-to-earn นั้นมีความได้เปรียบอย่างชัดเจนเนื่องจากล้วนเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมและถือว่าเป็นกิจกรรมที่ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งช่วยดึงดูดผู้ใช้จำนวนมาก เมื่อการออกกำลังกายและการหารายได้นั้นถูกนำมารวมกัน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าแนวโน้มที่ดีนี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคคริปโตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และในท้ายที่สุด เกมจะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อสามารถดึงดูดผู้คนให้มาใช้งานจำนวนมากได้ ซึ่งหมายความว่ามีผู้เล่นจำนวนมากและโทเค็นของเกมนั้น ๆ ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และจนกว่าจะถึงตอนนั้นก็ยังเป็นปริศนาอยู่ว่าแนวโน้มนั้นจะเป็นไปอย่างไร

​​DISCLAIMER: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง มุมมองและความคิดเห็นจากผู้เขียนมีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้เป็นการให้ข้อมูลทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่น ๆ ใด นักลงทุนควรศึกษาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันและมีการควบคุมความเสี่ยงอยู่เสมอ