“สภาคริปโต” ถือกำเนิดแล้ว!
“The Crypto Council for Innovation” หรือ สภาคริปโตเพื่อนวัตกรรม เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Square, Paradigm, Fidelity และ Coinbase โดยพวกเขาเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถทำการคานอำนาจ และทำให้เหล่าผู้กำหนดนโยบายเข้าใจในคริปโตอย่างแท้จริง
“The Crypto Council for Innovation” หรือ สภาคริปโตเพื่อนวัตกรรม เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Square, Paradigm, Fidelity และ Coinbase โดยพวกเขาเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถทำการคานอำนาจ และทำให้เหล่าผู้กำหนดนโยบายเข้าใจในคริปโตอย่างแท้จริง
บริษัทร่วมทุน Crypto อย่าง Paradigm, Square, Fidelity Investments และเว็บเทรด Crypto ชื่อดังอย่าง Coinbase ได้รวมตัวกันเพื่อจัดตั้ง “สภา Cryptocurrency” แห่งใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการคานอำนาจ และทำให้สามารถเจรจาต่อรองกับเหล่าผู้กำหนดนโยบายทั้งหลายเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม Crypto ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยจุดมุ่งหมายของกลุ่มการค้าที่ตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งใช้ชื่อว่า “The Crypto Council for Innovation” หรือ สภาคริปโตเพื่อนวัตกรรม คือการทำให้แน่ใจว่าผู้กำหนดนโยบายเข้าใจถึงความสำคัญของนวัตกรรมคริปโต และพัฒนากฎระเบียบที่เอื้ออำนวยที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโตได้นั่นเอง
ทาง “Crypto Council for Innovation” มีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดรูปแบบของการควบคุมสินทรัพย์ Crypto และพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึง "สัญญาการเปลี่ยนแปลงของ Crypto และสื่อสารถึงประโยชน์ของมันต่อผู้กำหนดนโยบายหน่วยงานกำกับดู แลและผู้คนทั่วโลก"
Fred Ehrsam ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทการลงทุน Paradigm กล่าวกับ The Wall Street Journal ว่า “สกุลเงินดิจิทัลอยู่นั้นในจุดเปลี่ยนเข้าสู่กระแสหลัก”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า
"มันอยู่ในช่วงเริ่มต้น และเหมือนกับอินเทอร์เน็ต (ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น) ที่มันนั้นเปราะบางมากในขณะที่อยู่ในขั้นตอนนั้น มันยังท้าทายมาก เพราะผู้กำหนดนโยบายต้องการสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยง และผลตอบแทน และแม้แต่คนที่ใช้เวลาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ต่างก็ต้องดิ้นรน เพื่อคาดเดาว่าสิ่งนี้จะก้าวไปที่ใดในทศวรรษหน้า มันยากมากที่จะบอกว่าอินเทอร์เน็ตกำลังจะไปที่ใด"
ทั้งนี้ทางสภากำลังวางแผนที่จะรวบรวมคณะกรรมการจากสมาชิกเริ่มต้นแต่ละคนจากสี่คน และพวกเขาก็พร้อมที่จะสร้างทีมบริหารขึ้นมาด้วย
Cryptocurrencies ช่วยเศรษฐกิจโลก
การจัดตั้งสภา Cryptocurrencyเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ราคาของสกุลเงินดิจิตอลหลายสกุลเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นได้ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนกระแสหลักตลอดจนโบรกเกอร์ และธนาคารที่ให้บริการพวกเขา โดบเมื่อต้นปีนี้มูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก
ที่สำคัญก็คือ Cryptocurrency นั้นยังเป็นอุตสาหกรรมใหม่ เนื่องจากผู้คนจำนวนมากยังไม่เข้าใจในอนาคตของตลาด ซึ่งเหล่าผู้เชิดชู Crypto ต่างอ้างว่าสินทรัพย์ Crypto และเทคโนโลยี Blockchain มีความสามารถในการสร้างงาน และขยายบริการทางการเงินให้กับผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ทุกที่ทั่วโลกในราคาเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีค่าใช้จ่าย
และด้วยสาเหตุที่สกุลเงินดิจิทัลมีศักยภาพในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และสังคมทั่วโลก รวมถึงในประเทศกำลังพัฒนาด้วยการให้การเข้าถึงเงินทุน และบริการทางการเงินที่ง่ายขึ้น ดังนั้นหน่วยงานกำกับดูแล และผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของสินทรัพย์ Crypto นั่นเอง