Spotify วางแผนรองรับ NFT แม้กระแสในปีนี้จะลดลง

Spotify ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการเพลงและอุตสาหกรรมคริปโตด้วยการ
วางแผนที่จะเพิ่ม Non-Fungible Token (NFT) ร่วมกับเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อเพิ่มรายได้ของศิลปินด้วยการผนวกเทคโนโลยี NFT เข้ากับกิจกรรมสตรีมมิ่ง และเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรม

การเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการเพลงและอุตสาหกรรมคริปโต เช่น โฆษณาการจ้างงานที่ระบุว่า Spotify ต้องการคนที่เข้ามาช่วยแผนงาน "web3" คำว่า Web3 เป็นคำศัพท์ทางเทคนิคสำหรับเฟสที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อคเชนของอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ชื่นชอบคริปโตบางคนเชื่อมั่นในสิ่งนี้ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ทรงพลัง 

Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ก็ได้แสดงความคิดเห็นโดยกล่าวว่า Instagram เองก็อาจยอมรับ NFT ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการติดต่อทางธุรกิจในไม่ช้า นอกเหนือจากที่กล่าวมา ก็ยังมีโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เช่น Twitter และ Reddit ที่อาจวางแผนรองรับ NFT ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งอำนวยความสะดวกอีกด้วย

ในวงการของ NFT นั้นมีการซื้อขายทั้งงานภาพศิลปะ เกม และของสะสมมูลค่ารวม 17.7 พันล้านดอลลาห์ในปีที่แล้ว ดังนั้น หลายคนจึงเชื่อว่าสิ่งที่ Spotify วางแผนที่จะทำนั้น ซึ่งจะทำให้วงการ NFT เติบโตมากยิ่งขึ้น แม้ว่าในขณะนี้กระแสกำลังปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว

Spotify นั้นมีวิธีดึงดูดผู้ใช้โดยเสนอผลประโยชน์ที่น่าสนใจหลายประการ เช่น การขายและการซื้อสินค้าดิจิตอล และอื่น ๆ เพื่อตอบสนองต่อการใช้ Non Fungible Token (NFT) โดย Snoop Dogg และ DJ Steve Aoki ก็ได้เชิญชวนให้แฟน ๆ ทำธุรกรรม NFT  นอกจากนี้ Kings of Leon และ Grimes ก็ได้ทำการแลกเปลี่ยนเพลงของพวกเขา ผ่าน NFT แล้ว

แผนการดำเนินงานของ Spotify

Spotify ได้ลงโฆษณาเกี่ยวกับตำแหน่งงาน เพื่อรับสมัครพนักงานให้เข้ามาช่วยกำกับดูแลในด้านกลยุทธ์ระยะยาว ด้านอุตสาหกรรม และด้านความได้เปรียบในการแข่งขันการออกแบบธุรกิจอัจฉริยะของ Spotify Moonshots โดยหวังว่าจะสร้างการเติบโตของทีมได้ และเพื่อเร่งการพัฒนาในภาคคริปโต

นอกจากนี้ยังมองหาผู้จัดการเพื่อช่วยพิจารณาข้อมูลทางการตลาดและหาช่องทาง
การเติบโตแบบทวีคูณในโอกาสต่าง ๆ อีกด้วย

Daniel Ek ซีอีโอ ของ Spotify ได้เผยว่า การอนุญาตให้ลูกค้าใช้
สกุลเงินดิจิตอลกับวงการเพลงได้จะสามารถกระตุ้นให้พวกเขารู้สึกชื่นชอบ Spotify
และ Ek ยังได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า:

“เพื่อที่จะเปิดโอกาสสำหรับช่องทางที่ไร้ขีดจำกัด อย่างการที่ลูกค้าในญี่ปุ่นจะสามารถจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตในอาร์เจนตินาได้ จะเป็นการเปิดโอกาสสำหรับการก้าวไปสู่เป้าหมายหลักของเรา”