ผู้พัฒนาบล็อกเชน Solana กล่าวว่า อุปกรณ์ดังกล่าวจะมีราคาประมาณ 1,000 ดอลลาร์และพร้อมสำหรับการจัดส่งในช่วงต้นปี 2566
Anatoly Yakovenko ซีอีโอของ Solana Labs ได้ออกมาประกาศเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือที่มีชื่อเรียกว่า “Saga” ในช่วงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโทรศัพท์ Android ที่พัฒนาโดย Solana Labs มีราคาประมาณ 1,000 ดอลลาร์และจะพร้อมสำหรับการจัดส่งในช่วงต้นปี 2566
Saga
Saga คือโทรศัพท์มือถือแบรนด์ OSOM ที่ได้รับการดัดแปลงและมาพร้อมกับฟังก์ชั่นกระเป๋าเงินดิจิทัลและชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ “Solana Mobile Stack (SMS)” สำหรับโปรแกรม Web3
ไม่เพียงเท่านั้น ทีมนักพัฒนาจะสร้างระบบนิเวศขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการใช้งานให้กับผลิตภัณฑ์และจะรวมเอาบริการ "Solana Pay" เข้ามาเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการชำระเงินผ่าน QR code-based on-chain, Mobile Walle และ "Seed vault" ที่จะเก็บคีย์ส่วนตัวไว้ในโทรศัพท์
Sam Bankman-Fried กล่าวว่า “ทุกอย่างกำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะผู้คนส่วนใหญ่เข้าถึงสิ่งต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือของพวกเขา แต่การเข้าถึงโลกสกุลเงินดิจิทัลนั้นยังล้าหลัง”
และระบุอีกว่า การเข้าถึง dapps บนอุปกรณ์มือถือนั้นมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก พร้อมกล่าวสรุปว่า “ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานี้คือการมีกระเป๋าเงินดิจิทัลของจริงอยู่ในโทรศัพท์ของคุณ”
Solana ต่อยอดการเติบโต
Solana Labs กล่าวว่าจะทำงานร่วมกับบริษัทอย่าง Magic Eden ตลาด NFT ชั้นนำ, Phantom ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลรายใหญ่และ Orca แพลตฟอร์มด้านการเงินแบบกระจายอำนาจ เพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศสำหรับบโทรศัพท์ที่กำลังสร้างขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น Anatoly Yakovenko ได้เปรียบเทียบ App store ของพวกเขากับ Google และ Apple แต่มาในรูปแบบที่หักส่วนแบ่งน้อยลง โดยกับระบุออกมาชัดเจนว่า “จะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม” ใดๆ เพิ่มเติม
ผู้พัฒนาบล็อกเชน Solana ยังได้ให้คำมั่นสัญญาอีกว่าจะใช้เงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการพัฒนาแอพมือถือบน SMS
โดย Anatoly Yakovenko กล่าวว่า “Solana Mobile Stack หรือ SMS ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส ปลอดภัย เหมาะสมสำหรับ Web3 และใช้งานง่ายจะนำเสนอโอกาสใหม่ๆ บน Solana” และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับข้อบกพร่องของความพยายามในอดีตในการนำโทรศัพท์มาทำงานร่วมกับบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล Yakovenko อดีตวิศวกรของ Qualcomm กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์โทรศัพท์ของ Solana นั้นอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีด เนื่องจากเทคโนโลยีและนักพัฒนาในโลกบล็อกเชนที่เติบโตขึ้นสูงมากเมื่อเทียบกับปี 2018 “