General

“Social Token” จะเป็นใหญ่ในอนาคตหรือไม่?

Photo 1429962714451 Bb934ecdc4ec.jpg

เหล่านักสร้างคอนเทนต์และกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิดบนโลกออนไลน์กำลังจะมีวิธีใหม่ในการสร้างรายได้จากความพยายามของพวกเขา ทั้งยังสามารถให้รางวัลแก่เหล่าผู้ติดตามอันเหนียวแน่นได้อีกด้วย คำถามที่สำคัญก็คือ การดำเนินการในรูปแบบนี้จะส่งผลต่ออุตสหากรรมโดยรวมมากน้อยเพียงใด

Social Token หรือก็คือโทเค็นที่ถูกพัฒนาขั้นมาให้เป็นสิ่งแทนความมีชื่อเสียงรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงบุคคล, ชื่อเสียงแบรนด์ หรือแม้แต่ ชื่อเสียงของ Community ทั้งหลาย ที่ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนมีกลุ่มคนได้เชื่ออย่างสุดใจเลยว่าโทเค็นประเภทนี้นั้นจะยิ่งใหญ่ และกลายมาเป็นเทรนด์ใหม่สำหรับอุสาหกรรม Cryptocurrency

แต่นี่ก็ทำให้เกิดคำถามในใจของใครหลาย ๆ คน ว่า Social Token คืออะไรกันแน่? แล้วต้อง “มีชื่อเสียง” มากน้อยเพียงใดถึงจะสามารถใช้งานโทเค็นเหล่านี้ได้ และนอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นที่ว่าทำไมศิลปิน นักดนตรี และเหล่าผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย (Online Influencer) ถึงมีความต้องการที่จะ “Tokenize” หรือเปลี่ยนชื่อเสียงของตัวเองให้มาอยู่ในรูปแบบโทเค็นเพื่อมอบเป็นของขวัญ หรือขายมันให้กับเหล่าผู้ติดตาม

ยิ่งดังยิ่งฉุดไม่อยู่!

Social Token นั้นมีความแตกต่างจากการทำ Liquidity Mining หรือการขุดรูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นกระแสในโลก Defi ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาอยู่เล็กน้อยในด้านของ Input และ Output โดย Social Token นั้นถูกสร้างขึ้นจากหลักการ “Ownership Economy” โดยมีหลักการว่าชุมชนจะต้องมีคุณค่ามากยิ่ง ๆ ขึ้นไปในแต่ละวัน

ซึ่งเหล่านักผลิตคอนเทนต์ หรือ Creators จะสามารถสร้างรายได้จากผลงานของตนเป็นทรัพย์สิน หรือเหรียญดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว (Non-fungible token - NFT) ซึ่งในที่นี้ก็คือ Social Token นั่นเอง และเปิดโอกาสให้เหล่าผู้สนับสนุนสามารถส่งมอบบางสิ่งกลับไปยังคนที่คนคลั่งไคล้เพื่อแสดงความภักดีของพวกเขาได้ นี่จึงเป็นหนทางที่ Online Influencer จะหารายได้เพิ่มเติมได้ หรือแม้แต่ให้ของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่แฟนคลับของตน

กล่าวคือกลุ่มผู้ติดตาม หรือที่เรามักจะเรียกกันว่าแฟนคลับจะยิ่งรู้สึกมีส่วน “เป็นเจ้าของ” ศิลปิน หรือบุคคลที่พวกเขารักอย่างแท้จริง ด้วยการคือครองเหรียญดังกล่าว และเมื่อบุคคล ศิลปิน แบรนด์ หรือสิ่งที่ผู้คนหลงไหลเหล่านั้นมีชื่อเสียงมากขึ้น ฐานแฟนคลับก็จะมากตาม ราคาโทเคนก็ย่อมจะสูงขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

สิทธิพิเศษหากถือครองโทเค็น

หนึ่งในตัวอย่างการใช้งาน Social Token ขอยกให้กับศิลปินอย่าง Laura Driskill ผู้เป็นเจ้าของ Instagram ยอดฮิตซึ่งมีเนื้อหาวิดีโอเกี่ยวกับการทำ Autonomous Sensory Meridian Response หรือ ASMR เพื่อช่วยในการผ่อนคลาย และการนอนหลับ

View this post on Instagram

Whats the craziest dream you’ve ever had?

A post shared by ASMR (@sugar_boogerz) on

ซึ่งตอนนี้เธอได้สร้าง Social Token แบบ ERC-20 ของตัวเองที่เรียกว่า TINGLE เพื่อให้ผู้ติดตามของเธอซื้อเพื่อแลกกับการโต้ตอบหรือซื้อสินค้าเพิ่มเติม

Cooper Turley จากแพลตฟอร์มแชร์เพลงที่ชื่อว่า Audius ได้อธิบายไว้ว่า

“Social Token ่ไม่เพียงแต่จะแบ่งปันผลประโยชน์ทางการเงินกับเหล่าความสร้างสรรค์ที่พวกเขาชื่นชอบเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้สามารถเข้าระบบการแบบแบ่งชั้นตามการมีส่วนร่วมได้อีกด้วย”

หรือแม้แต่ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่อย่าง RAC หรือที่รู้จักกันในชื่อ André Allen Anjos เองก็เพิ่งประกาศโทเค็นที่สร้างด้วย Zora ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับศิลปิน Creators และแบรนด์เพื่อสร้างตลาดของตนเอง โดยโทเค็นของเขาจะแจกจ่ายให้กับสมาชิกของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และใช้เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงสิทธิพิเศษและเนื้อหาพิเศษต่างๆ ซึ่ง RAC ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า

Andr Allen Anjos 1024x567.jpg
André Allen Anjos (RAC) ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่
“Crypto ช่วยให้ชุมชนสามารถรับคุณค่าจากผลงานที่พวกเขาสร้างขึ้นอย่างแท้จริงแทนที่จะมีรายได้จากเหล่าแพลตฟอร์มผู้ให้บริการีอยู่ก่อนหน้านี้”

เทรนด์ของ Social Token มาแน่!

ปัจจุบันมี Social Token อยู่ประมาณ 160 รายการ บนแพลตฟอร์มของบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกันที่ชื่อว่า Roll แถมมันยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามตั้งแต่ Rapper ไปจนถึง เหล่า NBA Superstars หรือแม้แต่กลุ่มผู้ประกอบการก็พร้อมที่จะหันมาทดลองใช้วิธีการใหม่ล่าสุดตัวนี้ในการสร้างรายได้ และกระตุ้นความภักดีของชุมชน

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง