Ripple เข้าซื้อกิจการ Palisade เสริมบริการกระเป๋าเงินและดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล มุ่งเจาะตลาดสถาบันการเงิน
Ripple เดินหน้าขยายบริการคริปโตสำหรับองค์กร หลังเข้าซื้อกิจการ Palisade ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินและโครงสร้างพื้นฐานการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล โดยตั้งเป้าเสริมศักยภาพด้านการชำระเงิน การเก็บรักษา และการจัดการสินทรัพย์บนบล็อกเชนสำหรับบริษัทและสถาบันการเงินทั่วโลก

Ripple เดินหน้าขยายบริการคริปโตสำหรับองค์กร หลังเข้าซื้อกิจการ Palisade ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินและโครงสร้างพื้นฐานการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล โดยตั้งเป้าเสริมศักยภาพด้านการชำระเงิน การเก็บรักษา และการจัดการสินทรัพย์บนบล็อกเชนสำหรับบริษัทและสถาบันการเงินทั่วโลก
บริษัท Ripple ประกาศเข้าซื้อกิจการ Palisade ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินและระบบดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Custody) เพื่อขยายบริการที่มุ่งเน้นลูกค้าสถาบันและภาคธุรกิจ
Ripple ระบุเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เทคโนโลยี “wallet-as-a-service” ของ Palisade จะถูกนำมารวมเข้ากับ Ripple Custody หน่วยธุรกิจดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทที่ให้บริการแก่ธนาคารและสถาบันการเงิน พร้อมเสริมว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้บริการแก่ “ฟินเทค บริษัทคริปโต และองค์กรขนาดใหญ่”
“ภาคธุรกิจและสถาบันการเงินกำลังจะเป็นแรงขับเคลื่อนระลอกใหม่ของการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง” — Monica Long ประธานบริษัท Ripple กล่าวในแถลงการณ์
เขายังเสริมอีกว่า เหมือนที่ธนาคารรายใหญ่ที่กำลังเริ่มเปลี่ยนจากการสังเกตการณ์ในตลาดสู่การพัฒนาเครื่องมือเทคโนโลยีคริปโต องค์กรต่าง ๆ ก็กำลังเดินเส้นทางเดียวกัน และต้องการพันธมิตรที่ได้รับใบอนุญาตพร้อมเทคโนโลยีที่ใช้งานได้ทันที
เสริมบริการ Ripple Payments
Ripple ระบุว่า บริการกระเป๋าเงินของ Palisade จะถูกรวมเข้ากับระบบ Ripple Payments บริการชำระเงินข้ามพรมแดนของบริษัท เพื่อใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการชำระเงินแบบสมัครสมาชิก (Subscription) และระบบการรับชำระเงินอัตโนมัติ
เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าของ Ripple สามารถเชื่อมต่อระหว่างคริปโตและสกุลเงินท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว รองรับการทำธุรกรรมบนหลายบล็อกเชน และสามารถเชื่อมโยงกับโปรโตคอลการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ได้โดยตรง
Ripple ใช้งบกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ในการขยายอาณาจักรคริปโต
Ripple เปิดเผยว่าการซื้อกิจการ Palisade ทำให้ยอดรวมการเข้าซื้อกิจการของบริษัทแตะระดับ 4 พันล้านดอลลาร์ โดยดีลส่วนใหญ่ในปีนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ยุติคดีฟ้องร้องที่ยืดเยื้อมานานกับ Ripple
ก่อนหน้านี้ Ripple เพิ่งปิดดีลมูลค่า 1.25 พันล้านดอลลาร์ เข้าซื้อบริษัทนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Hidden Road เมื่อเดือนเมษายน เพื่อเปิดให้ลูกค้าสถาบันในสหรัฐฯ สามารถทำธุรกรรมคริปโตแบบ OTC ได้หลายสกุลเงิน
ในเดือนตุลาคม บริษัทก็ได้ซื้อกิจการ GTreasury ผู้ให้บริการระบบบริหารคลังคริปโตสำหรับองค์กร มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับความต้องการของบริษัทมหาชนที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน Ripple ยังได้เข้าซื้อ Rail แพลตฟอร์มชำระเงินด้วย Stablecoin มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนสิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะปิดดีลภายในไตรมาส 4 ปีนี้
มุ่งหน้าสู่การเป็นผู้นำโครงสร้างพื้นฐานคริปโตระดับองค์กร
การเข้าซื้อ Palisade ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ Ripple ในการขยายอาณาจักรสู่บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลระดับองค์กร ตั้งแต่การชำระเงิน การดูแลสินทรัพย์ ไปจนถึงระบบคลังสินทรัพย์ดิจิทัล
Ripple เชื่อว่าการรวมเทคโนโลยีของ Palisade เข้ากับโครงสร้างบริการที่มีอยู่ จะช่วยเร่งการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในภาคธุรกิจทั่วโลกได้เร็วขึ้น
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว








