เค้าว่ากันว่า Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่? แกะบทบรรยาย อ.ตั๊ม ในงาน Blockchain Genesis
Recap วันงาน Blockchain Genesis 2023 พร้อมแกะบทบรรยายของ อ.ตั๊ม พิริยะ ในหัวข้อ 'Bitcoin: Ponzi Scheme or Legitimate Investment (เค้าว่ากันว่า Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่)'
Recap วันงาน Blockchain Genesis 2023 พร้อมแกะบทบรรยายของ อ.ตั๊ม พิริยะ ในหัวข้อ 'Bitcoin: Ponzi Scheme or Legitimate Investment (เค้าว่ากันว่า Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่)'
Table of contents
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว หลังจากงาน Blockchain Genesis, Thailand Blockchain Week 2023 ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 6 ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน ณ สามย่านมิตรทาวน์ โดยบอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งอีเว้นท์คริปโตระดับประเทศ ที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกสนาน แล้วความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี blockchain และคริปโตเคอเรนซี่ ที่ไม่ควรพลาดอย่างมากในปีนี้
เพราะในงานนี้ได้รวบรวมกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็นเวทีเสวนาของผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าของโครงการบล็อคเชนหรือ Web3 ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่จะคอยสลับเข้ามาพูดคุยและให้ความรู้รวมถึงอัพเดทสถานการณ์ต่างๆในโลกบล็อคเชน แบบจุใจทั้ง 2 วัน 2 เวที
ทั้งนี้ทีมงาน CryptoSiam ก็ได้มีโอกาสเข้าไปฟัง Session บรรยายของ อ.ตั๊ม พิริยะ ในหัวข้อ ‘Bitcoin: Ponzi Scheme or Legitimate Investment’ มาแบบสดๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าพอฟังจบแล้วเหมือนเป็นการเปิดโลกเกี่ยวกับ Bitcoin อีกครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้
ดังนั้นวันนี้ ทาง CryptoSiam จึงจะมา Recap ใน Session นี้เพื่อให้ผู้อ่านได้เปิดมุมมองไปด้วยกัน!
เค้าว่ากันว่า Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่?
โดยสาเหตุที่ อ.ตั๊ม เลือกหัวข้อนี้มาบรรยาย เป็นเพราะเนื่องจากในช่วงนับตั้งแต่ต้นปี 2023 ที่ผ่านมา Bitcoin นั้นเริ่มกลับขึ้นมาทำราคาดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งนั่นทำให้เหรียญกลับมาเป็นกระแสและได้รับความสนใจกันอีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงมีหลายคนที่มองว่า Bitcoin นั้นเป็นแชร์ลูกโซ่, เป็นเงินที่เสกมาจากอากาศ และจับต้องไม่ได้อยู่ดี
ในการบรรยาย อ.ตั๊ม กล่าวว่า Bitcoin นั้นเป็นสินทรัพย์ที่ทำกำไรได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่นๆในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตนเองจะไม่มาบอกว่าทำไมมันถึงไม่ใข่แชร์ลูกโซ่ แต่จะมาชี้ให้ดูว่าจริงๆแล้วโลกของเรานั้นมีแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่กว่านั้นมากที่คนยังไม่รู้ โดยได้กล่าวนโยบายการพิมพ์เงินของประเทศมหาอำนาจก็เป็นหนึ่งใน Ponzi ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกัน
นักลงทุนชื่อดังที่ต่อต้าน Bitcoin
ในระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ Bitcoin เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก็จะมีนักลงทุนชื่อดังหลายคนออกมากล่าวโจมตีมันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น Warren Buffett หรือ Jamie Dimon ที่ออกมากล่าวว่า Bitcoin นั้นเป็นแชร์ลูกโซ่ที่ทำราคาสูงขึ้นได้เพราะว่ายังมีไอ้งั่งหน้าใหม่ที่เข้ามาซื้อมันอยู่เรื่อยๆ และดูยังไงก็ไม่มีอนาคต ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นประโยคคลาสสิค ที่จะต้องออกมาจากปากของนักลงทุนรุ่นใหญ่ที่ต่อต้าน Bitcoin อยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ อ.ตั๊ม ยังได้ยกบทความหนึ่งของ BERT ELY ที่ก็ออกมาพูดคล้ายๆกันกับ Warren Buffett และยังกล่าวอีกว่า "สกุลเงินคริปโตอื่นๆล้วนเป็นแชร์ลูกโซ่ด้วยกันทั้งนั้น ในที่สุดพวกมันทั้งหมดก็จะไร้ค่า ยกเว้นเหรียญที่เรียกว่า Initial coin offerings (ICOs) ที่ใช้เพื่อระดมทุนให้กับบริษัท startup ที่เป็นธุรกิจจริงๆเท่านั้น ที่จะยืนหยัดอยู่ได้"
ซึ่งนี่เป็นประเด็นที่ อ.ตั๊ม มองว่าไม่ใช่ความจริงเสมอไป เพราะยังมีอีกหลายกรณีที่ชี้ให้เห็นว่า บริษัทที่ทำ ICO นั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถพัฒนาธุรกิจให้สำเร็จได้เสมอไป ตัวอย่างเช่น Lunar Coin (LUNAR) ของ Dokwon หรือเหรียญ FTX Token (FTT) ของ Sam Bankman-Fried ที่ทั้งคู่ก็ล้วนก็เป็นเหรียญ ICO จากโปรเจคที่ล้มเหลวเช่นกัน และล้มเหลวแบบพังพินาศเสียด้วย
โครงสร้างของ Ponzi กับ Bitcoin
อ.ตั๊ม เผยว่า โครงสร้างของแชร์ลูกโซ่นั้นมีความแตกต่างกับโครงสร้างของ Bitcoin อย่างเห็นได้ชัดเพราะ Bitcoin นั้นไม่เคยให้ผลตอบแทนกับใคร ไม่มีใครสามารถถือ Bitcoin อยู่แล้วมันจะมีเพิ่มจำนวนขึ้นมาได้
โดยกำไรที่จะได้จาก Bitcoin นั้นมาจากการแลกเปลี่ยน จากการอาศัยการเพิ่มขึ้นของมูลค่าขึ้น หรือ Capital gain อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งการที่ Bitcoin มีราคาสูงขึ้นก็เพราะมีคนซื้อเพิ่มขึ้น จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
โดยสิ่งที่ทำให้ Bitcoin แตกต่างกับแชร์ลูกโซ่อย่างชัดเจนคือ เมื่อเวลาที่ความต้องการในตลาดของแชร์ลูกโซ่นั้นเริ่มลดลง สิ่งที่จะทำให้มัน(แชร์ลูกโซ่)ยังคงอยู่ได้ ก็คือการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบไปเรื่อยๆเพื่อยื้อเวลา แล้วเมื่อใดที่ความต้องการหมดไปและไม่เหลือเงินอัดฉีดเข้าไปในระบบ ระบบนี้ก็จะล่มสลายทันที
ซึ่งแตกต่างกับ Bitcoin ที่เมื่อความต้องการในตลาดของมันลดลง ราคาของมันก็แค่ลดลงตาม เพียงเพราะคนมีคนจำนวนหนึ่งขายออกไปก็เท่านั้น แต่มันก็จะมีคนบางกลุ่มที่จะไม่มีวันขายมันออกไปเด็ดขาด
ในที่สุดแล้วก็จะมีคนที่เก็บ Bitcoin เอาไว้เป็น Generational Wealth เพราะมันไม่ได้หายไปไหน Bitcoin มีจำนวนอยู่ที่ 21 ล้าน BTC เท่านั้นและจะไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีก
Bitcoin ไม่ใช่ Crypto!
ในช่วงท้ายของการบรรยาย อ.ตั๊ม เผยว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Bitcoin ก็คือ crypto ในความเป็นจริง Bitcoin กับ crypto นั้นแยกออกจากกัน โดยคริปโตคือนวัตกรรมใหม่ของการทำธุรกิจในโลกอนาคต ที่นักพัฒนาสามารถสร้าง Token เพื่อระดมทุนในโครงการต่างๆ
หากแต่ในปัจจุบัน บริษัทที่สร้างเหรียญเหล่านี้ล้วนเป็นบริษัทที่จดทะเบียนภายในประเทศทั้งสิ้น ซึ่งหมายความว่าโครงการต่างๆเหล่านี้สามารถถูกควบคุมได้จากศูนย์กลาง หรือก็คือยังเป็นส่วนหนึ่งใน Fiat นั่นเอง
สรุปง่ายๆก็คือ ‘คริปโตเป็นธุรกิจในโลก Fait’ ในขณะที่ Bitcoin ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคริปโต ดังนั้นการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ Bitcoin จึงเป็นเรื่องสำคัญ
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการบรรยายในงาน Blockchain Genesis, Thailand Blockchain Week 2023 เท่านั้น ทั้งนี้ CryptoSiam หวังการหยิบเอาหัวข้อบรรยายนี้มาเขียนจะช่วยให้หลายคนมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างแชร์ลูกโซ่กับ Bitcoin แล้วเจอกันใหม่ในอีเว้นท์ต่อไป
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว