ข่าวคริปโตเคอเรนซี่

ผู้เชี่ยวชาญเผย 4 เหตุผลทำไมกองทุนสำรอง Bitcoin ของ Trump ถึงเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดคริปโตในระดับโลก

ผู้เชี่ยวชาญเผย 4 เหตุผลทำไมกองทุนสำรอง Bitcoin ของ Trump ถึงเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดคริปโตในระดับโลก

Matt Hougan จากบริษัทจัดการสินทรัพย์ Bitwise มองว่าการจัดตั้ง กองทุนสำรอง Bitcoin ของสหรัฐฯ จะเพิ่มโอกาสให้ประเทศอื่น ๆ เร่งพิจารณาจัดตั้งกองทุนสำรองของตนเอง

กองทุนสำรอง Bitcoin ของสหรัฐฯ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในระดับโลก

การที่สหรัฐฯ จัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin อาจช่วยลดความเสี่ยงที่รัฐบาลจะหันไปใช้มาตรการแบน Bitcoin และอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่น ๆ หันมาใช้แนวทางเดียวกัน ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญในวงการคริปโต

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งให้จัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve พร้อมทั้งกองทุนสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลเหรียญอื่น ๆ

David Sacks ที่ปรึกษาด้านคริปโตของทำเนียบขาว เปิดเผยว่ากองทุนสำรองดังกล่าวจะใช้ Bitcoin ที่รัฐบาลกลางได้รับจาก การยึดทรัพย์สินในคดีอาญาหรือแพ่ง ซึ่งมีประมาณ 200,000 BTC อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้กลับสร้างความผิดหวังให้กับนักเทรด ส่งผลให้ราคา Bitcoin ร่วงลง 6% หลังจากการประกาศ

นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า ตลาดอาจประเมินข่าวนี้ต่ำเกินไป และความเคลื่อนไหวนี้ควรถูกมองว่าเป็นปัจจัยบวกมากกว่า

 โพสต์ของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน Bitwise ( ที่มา : Matt Hougan )
 โพสต์ของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน Bitwise ( ที่มา : Matt Hougan )

1. รัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดความเสี่ยงในการ "แบน" Bitcoin

Matt Hougan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bitwise เชื่อว่าการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin จะช่วยลดโอกาสที่รัฐบาลจะพยายามแบน Bitcoin ในอนาคตลงอย่างมาก

ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน ธนาคารกลางแห่งมินนิอาโปลิส เคยออกมาเตือนว่า Bitcoin อาจเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลต้องปรับสมดุลงบประมาณ และเสนอว่า การแบน Bitcoin หรือการเก็บภาษีจากมัน อาจเป็นทางออกหนึ่งของรัฐบาล

แต่เมื่อสหรัฐฯ มี Bitcoin Reserve เป็นของตัวเองแล้ว ความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะหันมาแบนสินทรัพย์นี้จึงลดลงอย่างมาก

2. ประเทศอื่น ๆ อาจเร่งจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin ตามสหรัฐฯ

Hougan ยังมองว่า การที่ สหรัฐฯ ตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin จะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศอื่น ๆ ต้องเร่งตัดสินใจ และอาจเกิดกระแสซื้อ Bitcoin เป็นทุนสำรองระดับประเทศในอนาคต

ปัจจุบัน สหรัฐฯ ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก โดยมี 207,189 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ $18,000 ล้าน ขณะที่ จีน ตามมาเป็นอันดับสองด้วย 194,000 BTC และ สหราชอาณาจักร ถือครอง 61,000 BTC

ในขณะที่ เอลซัลวาดอร์ เป็นประเทศเดียวที่ยอมรับ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย และยังคงสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มี 6,103 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ $534 ล้าน

Brian Armstrong CEO ของ Coinbase มองว่า "ผู้นำของกลุ่มประเทศ G20 หลายประเทศน่าจะเริ่มตื่นตัวและเดินตามรอยสหรัฐฯ ในอนาคต"

โพสต์ของ CEO Coinbase ( ที่มา : Brian Armstrong )
โพสต์ของ CEO Coinbase ( ที่มา : Brian Armstrong )

3. การถือครองของรัฐบาลช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของ Bitcoin

Hougan ยังเชื่อว่ากองทุนสำรอง Bitcoin ของรัฐบาลสหรัฐฯ จะทำให้ สถาบันการเงินขนาดใหญ่และหน่วยงานระดับโลกอย่าง IMF ปฏิเสธความสำคัญของ Bitcoin ได้ยากขึ้น

ก่อนหน้านี้ IMF (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ) เคยออกมาต่อต้านไม่ให้ประเทศต่าง ๆ นำ Bitcoin มาใช้เป็นทุนสำรอง โดยเฉพาะในกรณีของ เอลซัลวาดอร์ ซึ่ง IMF เพิ่งอนุมัติเงินช่วยเหลือ $1,400 ล้าน ให้กับประเทศนี้ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า รัฐบาลจะต้องไม่สะสม Bitcoin เพิ่มอีก

Ryan Rasmussen หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Bitwise ชี้ว่า จุดมุ่งหมายของกองทุนสำรอง Bitcoin สหรัฐฯ ไม่ใช่เพื่อ "ซื้อ Bitcoin ทั้งหมดในโลก" แต่คือการเปิดทางให้

  • ประเทศอื่น ๆ เริ่มซื้อตาม
  • กองทุนความมั่งคั่งและสถาบันการเงินเริ่มถือครอง Bitcoin
  • ความกลัวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะขาย Bitcoin จำนวนมากหายไป
  • ความเป็นไปได้ที่รัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ จะซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้น
  • ความเสี่ยงที่รัฐบาลจะสั่งแบน Bitcoin ลดลงจนเกือบเป็นศูนย์

นอกจากนี้ David Marcus CEO ของ Lightspark มองว่านี่เป็น "ผลลัพธ์ที่สมดุลและเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในตอนนี้"

4. Bitcoin มาไกลกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก

John Deaton ทนายความสายคริปโต กล่าวว่า ปัจจุบัน Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ Howard Lutnick รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กำลังได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีให้หา "แนวทางที่เป็นกลางทางงบประมาณ" ในการเข้าซื้อ Bitcoin

"เมื่อสองปีก่อน หากเราบอกว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เราคงโดนหัวเราะเยาะ" Deaton กล่าว

Nate Geraci ประธานของ ETF Store เสริมว่า "เพียงแค่ปีที่แล้ว ก.ล.ต. เพิ่งอนุมัติ Bitcoin ETF ตัวแรกของสหรัฐฯ ไปเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้รัฐบาลกำลังจะมีกองทุนสำรอง Bitcoin เป็นของตัวเองแล้ว"

แม้ว่าข่าวการจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve ของสหรัฐฯ จะสร้างแรงกดดันระยะสั้นต่อตลาด แต่ในระยะยาว นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่านี่คือ ปัจจัยบวก ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการแบน Bitcoin และกระตุ้นให้ประเทศอื่น ๆ เร่งสะสม Bitcoin เป็นทุนสำรอง

นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของ Bitcoin ในสายตาสถาบันการเงินระดับโลก และอาจเปิดทางให้รัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ เริ่มเข้าถือครอง Bitcoin ในอนาคต

การที่รัฐบาลระดับประเทศเริ่มสะสม Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรอง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ ยุคใหม่ที่ Bitcoin กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินโลก

อ้างอิง : Cointelegraph

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง

ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล

Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว

บทความที่เกี่ยวข้อง

XRP อาจขึ้นนำ Ethereum ได้ก่อน Solana หลังแตะจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี
CEO CryptoQuant เตือน! ขาขึ้นของ Bitcoin อาจสิ้นสุดแล้ว อ้างอิงจากข้อมูลออนเชน
BlackRock ชี้! ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยเร่งให้ Bitcoin เติบโต
Bitcoin อาจถึงจุดพีคแล้ว? CryptoQuant ชี้นักลงทุนรายย่อยอาจเข้าสู่ตลาดแล้วผ่านกองทุน ETF