ราคา Otherside NFT ร่วงยับ
หลังความนิยมในตลาดลดลงแค่เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น ราคา Otherside NFT คอลเลกชันชื่อดังจาก Yuga Labs ก็ได้หล่นลงมาต่ำกว่า 2.45 ETH ไปเสียแล้ว
หลังความนิยมในตลาดลดลงแค่เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น ราคา Otherside NFT คอลเลกชันชื่อดังจาก Yuga Labs ก็ได้หล่นลงมาต่ำกว่า 2.45 ETH ไปเสียแล้ว
Otherdeed ที่ดินเสมือนในรูปแบบ Non-Fungible Token (NFT) จากโปรเจกต์ Otherside ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Metaverse ยักษ์ใหญ่ของค่าย Yuga Labs ผู้สร้างคอลเลกชันชื่อดังอย่าง Bored Ape Yacht Club (BAYC) ที่สามารถกวาดรายได้จากการจัดจำหน่ายบนเครือข่าย Ethereum Blockchain ไปได้มากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนสร้างปรากฎการณ์การ Mint NFT ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ขึ้นมาได้นั้น ล่าสุด กระแสความนิยมของคอลเลกชันดังกล่าวได้เริ่มทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาพื้น (Floor Price) ร่วงลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่าราคามินต์ (Mint Price) ที่ 2.45 Ether (ETH) เทียบเท่ากับ 5,713 ดอลลาร์สหรัฐไปเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะสามารถกลับมาทรงตัวได้อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้
ราคา Otherside NFT เคยทะยานขึ้นไปถึง 3.5 ETH มาแล้ว
อ้างอิงจากการรายงานความเคลื่อนไหวของตลาด NFT โดย NFTGo ได้บ่งชี้ว่าก่อนหน้านี้ ราคา Otherside NFT แต่ละชิ้นนั้นมีราคามินต์อยู่ราว 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ เทียบเท่ากับ 2.5 ETH ณ วันเปิดตัว ต่อมา ในวันพุธที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ราคาพื้นได้พุ่งขึ้นไปสูงถึง 3.5 ETH หรือ เกือบ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว จนสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดเป็นอย่างมาก พร้อมกันนี้ยังได้ส่งผลกระทบทำให้เครือข่าย ETH เกิดเหตุขัดข้อง จนราคาค่าธรรมเนียมพุ่งขึ้นสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยทางฝั่ง Yuga Labs ก็ได้ออกมายอมรับถึงปัญหาดังกล่าว พร้อมออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการคืนเงินค่าธรรมเนียมให้กับผู้ใช้งานที่ไม่สามารถทำธุรกรรมได้สำเร็จลุล่วงอีกด้วย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคา Otherside NFT ร่วงหนัก
หากเราลองมาวิเคราะห์กันถึงปัจจัยหลักที่ทำให้ราคา Floor Price หล่นลงมาอย่างมหาศาลได้ในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจมีที่มาจากปริมาณการขายที่เริ่มลดจำนวนลงทั่วทั้งตลาด ซึ่งจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายในช่วง 7 วันที่ผ่านมาที่ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มดังกล่าวนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม เป็นต้นมานั่นเอง
ไม่ใช่แค่คอลเลกชัน Otherside เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ
แน่นอนว่า ไม่ใช่แค่เพียงผลงาน Otherdeed เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังรวมไปถึงคอลเลกชัน BAYC ด้วยเช่นเดียวกัน ที่มีราคาพื้นร่วงลงมากว่า 15% อยู่ที่ 91 ETH จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเทียบเป็นเงินสดมูลค่า 212,000 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมาจากเดิมเกือบ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในไม่ถึง 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ยังมีคอลเลกชันชื่อดังชิ้นอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาพื้นที่ลดลงมาเช่นเดียวกัน หนึ่งในนั้นก็คือผลงาน NFT ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนอนิเมะอย่าง Azuki โดยราคาพื้นของผลงานดังกล่าวได้เริ่มดิ่งลงมามากกว่า 50% จากเดิม 30.5 ETH เหลือแค่เพียง 15 ETH นับตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม เป็นต้นมา
ค่าธรรมเนียมถูกลงทำให้ตลาดเริ่มกลับมาคึกคัก
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของตลาดก็ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งหนึ่งในวันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม หลังยอดขายของคอลเลกชันชื่อดังกลับพุ่งทะยานขึ้นมากว่า 32% ได้อีกครั้ง ซึ่งผลสรุปปริมาณการขายภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้น Otherdeed สามารถทำยอดเพิ่มขึ้นมาได้กว่า 52% ในขณะที่คอลเลกชัน BAYC เองก็ได้กลับมาเฉิดฉายด้วยยอดที่เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 30.5% นอกจากนั้นแล้ว ม้ามืดอย่าง Azuki เองก็มีราคาพุ่งทะยานขึ้นมาถึง 1,802% เลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องด้วย ล่าสุด ราคาของเหรียญ ETH ได้เริ่มส่อแววลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเรียกได้ว่าเป็นโอกาสอันดีที่บรรดานักสะสมที่พลาดโอกาสจับจองผลงานในครั้งที่แล้วไป ได้รีบกลับเข้ามาช่วงชิงเป็น NFT คอลเลกชันล้ำค่าเหล่านี้อีกครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยจะเห็นได้ว่าหนึ่งในผู้ใช้งานทวิตเตอร์ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความส่งสัญญาณให้กับเหล่านักลงทุนรายอื่นด้วยเช่นเดียวกัน
กระแส Metaverse ยังไม่ร่วงลงไปง่าย ๆ
แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวในตลาด NFT อาจจะมีหยุดชะงักไปบ้าง แต่ด้วยแรงกระตุ้น และความน่าสนใจในตลาดที่เริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ ส่งผลให้อุตสาหกรรมดังกล่าวสามารถฟื้นตัวกลับมาคึกคักได้อีกครั้งหนึ่ง โดยมีนักวิเคราะห์จากหลากหลายสำนักได้ออกมาคาดการณ์ว่าตลาด NFT จะยังคงสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก 200% ยิ่งไปกว่านั้น ภาคส่วนที่สามารถทำเงินให้กับตลาดได้อย่างดีเยี่ยมนั้น ยังคงตกเป็นของ Metaverse และเกม Play-to-Earn อีกด้วย ซึ่งทางด้าน Thomas Perfumo ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์แห่ง Kraken ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทางสำนักข่าวต่างประเทศรายหนึ่งถึงความเชื่อมั่นของเขาเกี่ยวกับตลาด Metaverse ว่า
“Metaverse จะยังคงเป็นภาคส่วนที่สร้างความคึกคักให้กับตลาดคริปโตได้อย่างดีเยี่ยมอยู่แน่นอน ซึ่งเราจะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่ Facebook ได้รีแบรนด์ตนเองเป็น Meta ในปีที่ผ่านมา มูลค่าสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนดังกล่าว เช่น โทเคน SAND และ MANA ก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งก่อนหน้านี้บรรดานักลงทุนไม่เคยลงมาให้ความสนใจกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เลยแม้แต่น้อย”
