นอร์เวย์กับสวีเดน จับมือกันหารือเรื่องการแบนการขุดเหมืองคริปโต
นอร์เวย์กับสวีเดนจับมือประสานกันในเรื่องการห้ามไม่ให้มีการขุดเหมืองคริปโต
![Xw4pdqavzas.jpg](https://cdn2.cryptosiam.com?url=https://api.cryptosiam.com/assets/07d68841-0138-4309-ad2b-a4a9a8a8b141.jpg&width=1610)
นอร์เวย์กับสวีเดนจับมือประสานกันในเรื่องการห้ามไม่ให้มีการขุดเหมืองคริปโต
รัฐบาลของประเทศนอร์เวย์กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะจำกัดการขุดเหมืองคริปโต อันเนื่องมาจากผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และการเดินหน้าเรื่องนี้ถือเป็นการรับลูกประเทศสวีเดนที่เห็นว่า ควรที่จะทำการแบนขุดเหมืองคริปโต
นอร์เวย์กับสวีเดนหาทางสกัดการขุดเหมืองคริปโต
กระแสการแบนการขุดเหมืองคริปโตในประเทศแถบยุโรปเริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้น เรื่องนี้ทำให้ทางคณะกรรมการยุโรปได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการกำลังเดินหน้าการควบคุมสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืนมากขึ้น
เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศนอร์เวย์ได้เดินหน้าหารือกันวางมาตรการนโยบายในการรับมือการขุดเหมืองคริปโตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับรัฐมนตรีรวมไปถึงรัฐบาลท้องถิ่นที่ออกมารับลูกเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
![9pcv2mb65y8 8 1024x683.jpg](/assets/9ae72aad-77a6-4aeb-9f3b-d3b0732d1c5e.jpg)
รัฐบาลของประเทศนอร์เวย์ยังคงเดินหน้ารับมือการแก้ปัญหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ควบคุมการเงินของประเทศสวีเดน และทำงานตามข้อบังคับของยุโรป เรื่องนี้ทางด้านรัฐมนตรี Bjørn Arild ได้ออกมาระบุว่า แม้ว่าการขุดเหมืองคริปโตกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อาจสร้างประโยชน์ให้กับประเทศได้ในระยะยาว แต่เวลานี้เป็นเรื่องยากที่จะหาพลังงานสำรองรองรับการขุดเหมืองคริปโตในเวลานี้
หลายฝ่ายหาทางวางนโยบายขุดเหมืองคริปโต
ทั้งประเทศสวีเดนกับประเทศนอร์เวย์ รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในแถบนอร์ดิกนั้น เริ่มมีการหลั่งไหลของนักขุดเหมืองคริปโตเพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายประเทศจำต้องหาพลังงานสำรองในการรับมือกับเรื่องดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลที่มีการระบุว่า ตอนนี้ประเทศนอร์เวย์มีอัตราค่าไฟราคาถูก โดยที่พลังงานส่วนใหญ่เป็นพลังงานไฟฟ้าน้ำ ปัจจุบันประเทศนอร์เวย์ยังคงเดินหน้าหารือการวางนโยบายเรื่องการขุดเหมืองคริปโตอยู่
ขณะเดียวกันทางด้านคณะกรรมการยุโรปยังคงเดินหน้าหารือกันเรื่องการผลักดันร่างกฎหมายคริปโตของประเทศในแถบยุโรป โดยมีการเดินหน้าให้อุตสาหกรรมการขุดเหมืองคริปโตสามารถรองรับเทคโนโลยีบล็อกเชนได้อย่างเหมาะสม โดยที่ทางคณะกรรมการเห็นว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนจำเป็นต้องใช้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน