รายงานเผย! ไนจีเรียยังคงเปิดรับธุรกิจคริปโต แม้เคยมีคดีฟ้องร้องกับ Binance และกฎระเบียบที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
แม้จะมีคดีฟ้องร้องกับ Binance และกฎระเบียบที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น แต่รัฐบาลไนจีเรียยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจคริปโตสามารถดำเนินการได้ภายในประเทศ

แม้จะมีคดีฟ้องร้องกับ Binance และกฎระเบียบที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น แต่รัฐบาลไนจีเรียยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจคริปโตสามารถดำเนินการได้ภายในประเทศ
ไนจีเรียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการยอมรับคริปโตสูงที่สุดในโลก แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลของประเทศก็มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
ล่าสุด Mohammed Idris รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้อมูลข่าวสารของไนจีเรีย ให้สัมภาษณ์กับ Semafor ว่า รัฐบาลยังคงเปิดกว้างต่อธุรกิจคริปโต ที่ดำเนินการอยู่ในประเทศ โดยยืนยันว่าหลายบริษัทสามารถดำเนินงานได้โดยไม่มีปัญหาทางกฎหมาย
"นี่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงกฎหมายของเรา ไม่ใช่เพื่อขัดขวางใคร แต่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถดำเนินธุรกิจได้โดยไม่มีการกำกับดูแล" – Mohammed Idris
คำแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางคดีความที่ไนจีเรียฟ้องร้อง Binance เป็นมูลค่ากว่า $8.15 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยกล่าวหาว่า Binance เป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินไนราของไนจีเรียอ่อนค่าลงอย่างหนัก นอกจากนี้ รัฐบาลยังเรียกร้องให้ Binance จ่ายภาษีย้อนหลังอีก $2 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Tigran Gambaryan ผู้บริหารของ Binance ประจำไนจีเรียยังคงถูกควบคุมตัวในประเทศ
กฎระเบียบคริปโทของไนจีเรียยังคงเข้มงวด
แม้รัฐบาลจะอ้างว่าเปิดกว้างต่อคริปโต แต่ทิศทางของกฎระเบียบกลับชี้ไปในทางตรงกันข้าม
ในเดือนธันวาคม 2024 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของไนจีเรีย (SEC) ได้ปรับปรุงกฎหมายคริปโต โดยเพิ่มข้อจำกัดเกี่ยวกับ การตลาดและโฆษณา
กฎหมายใหม่กำหนดให้ ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับอนุญาตก่อน ที่บริษัทภายนอกจะสามารถทำโฆษณาให้พวกเขาได้ นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางการยังได้ประกาศแผน เก็บภาษีธุรกรรมคริปโต เพื่อเพิ่มรายได้ให้รัฐบาล
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายตั้งข้อสงสัยว่า ภาษีคริปโตอาจไม่ได้ช่วยสร้างรายได้ให้รัฐบาลตามที่คาดหวัง
ไนจีเรียเป็นตลาดคริปโทขนาดใหญ่ แต่การเก็บภาษีอาจไม่ง่าย
จากรายงาน "2024 Global Adoption Index" ของ Chainalysis ไนจีเรียถือเป็นประเทศที่มีอัตราการยอมรับคริปโตสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอินเดีย โดยมีมูลค่าธุรกรรมคริปโตที่ไหลเข้าประเทศสูงถึง $5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ระหว่าง กรกฎาคม 2023 - มิถุนายน 2024
อย่างไรก็ตาม Nic Puckrin ผู้ก่อตั้ง Coin Bureau และนักวิเคราะห์ตลาด กล่าวว่า ตลาด OTC (Over-the-Counter) ในไนจีเรียเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้ธุรกรรมคริปโตส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นผ่านเว็บเทรดกลางและยากต่อการติดตามหรือเก็บภาษี
"ผู้นำเข้าสินค้าในไนจีเรียใช้คริปโตเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของเงินไนรา และลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน" – Nic Puckrin
เนื่องจากค่าเงินไนราอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ผู้นำเข้าสินต้าส่วนใหญ่จึงไม่น่าจะหยุดใช้สกุลคริปโต และการทำธุรกรรมแบบ peer-to-peer (P2P) ที่ไม่ต้องผ่านเว็บเทรดกลาง ซึ่งอาจทำให้การเก็บภาษีของรัฐบาลเป็นสิ่งที่ยากยิ่งขึ้น
แม้รัฐบาลไนจีเรียจะอ้างว่าเปิดรับธุรกิจคริปโต แต่กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และข้อกล่าวหาต่อ Binance แสดงให้เห็นว่า ท่าทีของรัฐบาลต่ออุตสาหกรรมคริปโตยังคงมีความไม่แน่นอนสูง นักลงทุนและผู้ประกอบการจึงต้องจับตาดูทิศทางนโยบายของไนจีเรียอย่างใกล้ชิด
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว