มูลค่าตลาด NFT อาจทะลุ 8 แสนล้านในอีก 2 ปี

Non-Fungible Token หรือ NFT ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีนับตั้งแต่ปี 2014 โดยมีอัตราการยอมรับ และความสนใจพุ่งทะยานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสามารถทำสถิติแตะระดับสูงที่สุดในเดือนสิงหาคม ปี 2021 ไปได้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้น นอกจากนี้ ด้วยปริมาณการซื้อขาย NFT สุทธิที่เพิ่มขึ้นมามากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงทำให้ผู้คนต่างพากันเรียกปรากฏการณ์กระแสความนิยมอย่างถล่มทลายในครั้งนี้ว่า NFT Summer เลยทีเดียว แน่นอนว่า ความน่าสนใจของตลาดดังกล่าวได้ทำให้นักลงทุน และองค์กรหลายรายลงสนามเข้ามาศึกษา และหาคำตอบกันอย่างล้นหลาม

ผลสำรวจ Coingecko ชี้มูลค่าตลาด NFT อาจทะลุ 8 แสนล้าน

Coingecko ผู้ให้บริการข้อมูลราคาสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดังเปิดเผยรายงานผลการสำรวจชิ้นใหม่จากจำนวนผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั้งหมด 871 ราย คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาด NFT อาจทะลุ 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในอีก 2 ปีข้างหน้า และสัดส่วนของผู้ถือครองที่เป็นชาวเอเชีย และแปซิฟิกจะมีปริมาณมากกว่าพื้นที่ในแถบอื่น ๆ โดย 43.6% ของนักลงทุน NFT ที่ร่วมทำแบบสอบถามมีอายุอยู่ระหว่าง 18 – 30 ปี และอีกกว่า 45.2% มีอายุระหว่าง 30 – 50 ปี ซึ่งกว่า 72% ของนักลงทุนได้เข้าครอบครอง NFT ไว้จำนวนหนึ่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้นักลงทุนในกลุ่มดังกล่าวอีกกว่า 50% ยังระบุว่าพวกเขามีผลงานดิจิทัลไว้ในครอบครองอย่างต่ำ 5 ชิ้น หรือมากกว่านั้น

Metaverse และ P2E คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนซื้อ NFT

ในขณะที่ตลาด NFT ที่ได้รับความนิยมโดยส่วนใหญ่จะไปกระจุกตัวอยู่ในแวดแวงของสะสมยอดนิยม เช่น ผลงานจาก Bored Ape Yacht Club (BAYC) และ CryptoPunks เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนกว่า 35.8% กล่าวว่าพวกเขาสนใจ NFT เหล่านี้เนื่องจากมันสามารถเชื่อมต่อเข้ากับเกม Play-to-Earn (P2E) และ Metaverse ได้ ในขณะที่อีก 25% ระบุว่าพวกเขาสนใจงานศิลปะมากกว่า ด้วยเหตุนี้ ผู้สำรวจจึงได้คาดการณ์ว่าในท้ายที่สุดแล้ว Metaverse อาจมีมูลค่าทะยานขึ้นมากว่า 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ในขณะเดียวกัน ตลาดเกมเองก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญที่จะดึงให้ผู้คนหันเข้ามาลงทุนในตลาด NFT มากยิ่งขึ้นอีกด้วยเช่นเดียวกัน

นักลงทุน NFT นิยมใช้ PC ในการซื้อขาย และ Mint ผลงาน

ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลการสำรวจจากทาง TeleGeography ที่ได้ระบุว่า ปัจจุบันมีอุปกรณ์พกพาจำนวนมากกว่า 7.1 พันล้านเครื่องที่เปิดใช้งานอยู่ทั่วโลก แต่ทว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer - PC) ยังคงกลายเป็นตัวเลือกที่นักลงทุนกว่า 60% ใช้ซื้อขาย และ Mint มากที่สุด ในขณะที่โทรศัพท์มือถือนั้นยังคงกลายเป็นตัวเลือกที่มีคะแนนตามหลังจากอุปกรณ์ PC อยู่ที่ 21% ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวยังสามารถบ่งชี้ได้ว่าผู้คนยังใช้ PC แจ้งเตือนการ Mint หรือ เทรด NFT อีกด้วย

ผู้ร่วมตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ตัดสินใจ HODL เอาไว้ก่อน

สำหรับประเด็นในเรื่องของราคาขั้นต่ำเองก็มีความสำคัญในการช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงคุณค่าของผลงานชิ้นต่าง ๆ ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งรายงานการสำรวจได้เปิดเผยว่า วิธีการที่ผู้คนใช้ประเมิณมูลค่า NFT ก่อนตัดสินใจซื้อนั้น โดยส่วนใหญ่กว่า 38.5% ให้ความสนใจต่อราคาเสนอซื้อเสนอขายต่ำสุด (Floor Price) มีเพียง 23% ที่ตัดสินใจซื้อเนื่องจากชุมชน NFT ที่แข็งแกร่ง ส่วนอีก 21.8% ที่เหลือให้ความสนใจกับคุณค่าของผลงานนั่นเอง

ในทางกลับกัน นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ไม่สนใจที่จะขาย NFT ที่ตนถือครอง โดยผู้ร่วมตอบแบบสอบถาม 50% ยืนยันว่าพวกเขา HODL หรือ ถือครองสินทรัพย์เอาไว้จนกว่าตลาดจะอยู่สภาวะหมี พร้อมระบุว่าพวกเขาเชื่อว่า NFT จะกลายเป็นไอเท็มสำคัญให้กับเกมได้ในอนาคต แม้ว่ากระแสความนิยมของสินทรัพย์ประเภทดังกล่าว จะยังมีสัดส่วนการถือครองบนพอร์โฟลิโอของนักลงทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับปริมาณสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด จะเห็นได้จาก 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าถือครอง NFT บนพอร์ตโฟลิโอคริปโตเคอร์เรนซีอยู่แค่เพียง 0 - 25% เท่านั้น

Ethereum ครองแชมป์เครือข่ายสำหรับ NFT

แน่นอนว่า สำหรับเครือข่ายยอดนิยมในแวดวง NFT นั้นยังคงตกเป็นของแชมป์เจ้าเก่าอย่าง Ethereum ที่ได้รับการลงคะแนนเสียงจากผู้ร่วมเข้าสำรวจกว่า 46.3% ในขณะที่อันดับที่ 2 ตกเป็นของ Polygon อยู่ที่ 13.8% และตามมาด้วย Solana ที่ 13.5% ในขณะที่แพลตฟอร์ม Smart Contract รายอื่น ๆ มีอัตราส่วนรวมกันอยู่ที่ 26.4%

นักลงทุนยังคงไว้ใจ OpenSea ให้เป็นตลาดซื้อขายยอดนิยม

มาถึงเรื่องสำคัญที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ สำหรับตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ตามข้อมูลการสำรวจยืนยันว่าแพลตฟอร์ม OpenSea ยังคงรักษาตำแหน่งแชมป์เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น จากจำนวนผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามที่ลงคะแนนให้กว่า 58.7% ในขณะที่อันดับรองชนะเลิศนั้นตกเป็นของ Solanamart ถือครองสัดส่วนในตลาดราว 10% เท่านั้น ตามมาด้วย LooksRare อยู่ที่ต่ำกว่า 4%

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการสำรวจในครั้งนี้นั้น ก็คือแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Crypto.com, VEVE Official และ Immutable X กลายเป็นตัวเลือกที่บรรดาผู้ร่วมตอบแบบสอบถามมีการกล่าวถึงในหมวดหมู่ อื่น ๆ ค่อนข้างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชื่อเสียงของแพลตฟอร์มเหล่านั้นในตลาด NFT กำลังพุ่งทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่า ในทางกลับกัน ทางด้าน LooksRare และ X2Y2 กลับล้มเหลวในการสร้างแรงจูงใจเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานให้กับตลาดไป แม้ว่าในช่วงแรกจะสามารถทำผลงานได้ดีตลอดมาก็ตาม

นักลงทุน NFT ส่วนใหญ่ใช้ Discord และ Twitter

แน่นอนว่า ผู้คนในแวดวงดังกล่าวจะต้องคลุกคลี และรับรู้ข่วสารการเปิดตัวผลงานก่อนใคร ๆ ดังนั้น ช่องทางที่พวกเขาใช้ในการติดตามโปรเจกต์ NFT ชิ้นใหม่ หรือ โปรเจกต์ที่กำลังใกล้เปิดตัวต่างนั้น ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการนำไปปรับใช้กับการเผยแพร่ข่าวสารบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ โดยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ผู้ร่วมตอบแบบสอบถามกว่า 60% นิยมใช้แพลตฟอร์ม Discord และ Twitter เป็นหลัก