ท่ามกลางการตามล่าของหน่วยงานรัฐ เครือข่าย Monero ประกาศอัปเกรดเครือข่ายเพิ่มความเร็วการประมวลผลได้ถึง 10%
โปรเจคเหรียญ Cryptocurrency ที่เน้นความเป็นส่วนตัว “Monero” ประกาศการอัปเกรดเครือข่ายด้วยซอฟต์แวร์โหนดรุ่นล่าสุดซึ่งมีชื่อรหัสว่า“ Oxygen Orion”
การปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัย
การอัปเกรดนี้ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพียงอย่างเดียว: โครงสร้างลายเซ็นวงแหวนใหม่ที่เรียกว่า CLSAG
ฟีเจอร์ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่นี้จะมีการปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาดและประสิทธิภาพของเครือข่าย Monero จากการประมาณการการอัปเกรด CLSAG จะลดขนาดธุรกรรมลง 25% และลดเวลาในการตรวจสอบธุรกรรม 10% นับเป็นการปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาดที่สำคัญที่สุดของโปรเจคนับตั้งแต่การเปิดตัวระบบ bulletproofs ในปี 2018
การอัปเกรดนี้ยังรวมถึงการปรับปรุงความปลอดภัยเล็ก ๆ อีกมากมายโดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ Dandelion ++ ซึ่งเป็นระบบที่ทำหน้าที่ซ่อนที่อยู่ IP ของผู้ใช้งาน การเปลี่ยนแปลงที่เหลือก็เป็นการแก้ไขข้อบกพร่องเล็กน้อย
การอัปเกรดล่าสุดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมการขุดของ Monero ซึ่งแตกต่างจากการอัปเกรดก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามการอัปเกรดในเดือนตุลาคม 2019 RandomX ทำให้เครือข่ายไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอัลกอริทึมการขุดไปใช้เครื่องขุด ASIC-resistance (เหรียญ Cryptocurrency ที่ไม่สามารถใช้เครื่องขุด ASIC ในการขุดเหรียญได้) อีกต่อไป
การพัฒนาของ Monero
โปรเจค Monero นั้นมีการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนกันยายนนักพัฒนาของ Monero ได้พัฒนาระบบที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญ Monero เป็นเหรียญอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และโปรเจคก็ได้รับเงินทุนสนับสนุนเต็มจำนวนแล้ว (2727 XMR หรือ 300,000 ดอลลาร์)
ด้วยความที่เป็นเหรียญที่เน้นความเป็นส่วนตัว ไม่เปิดเผยที่อยู่ IP Address ของผู้ใช้งาน โปรเจค Monero จึงถูกหน่วยงานรัฐเพ่งเล็ง ในขณะเดียวกัน Europol ก็มองว่าเหรียญ Monero ถูกนำไปใช้ในการรกระทำที่ผิดกฎหมาย
“Monero เป็นเหรียญที่เน้นความเป็นส่วนตัวที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดสำหรับการทำธุรกรรมบน Darkweb” พร้อมระบุว่าเหรียญนั้นเป็น “อุปสรรคที่สำคัญต่อการสืบสวนสอบสวน”
ทั้งหน่วยงานสรรพากร IRS และ Department of Homeland Security ก็มีแผนการณ์ติดตามโปรเจค Monero ก่อนหน้านี้ IRS ได้ประกาศให้รางวัลสูงถึง $ 625,000 หรือประมาณ 19 ล้านบาทสำหรับใครก็ตามที่เจาะระบบ Monero ได้ ส่วน Department of Homeland Security ก็กล่าวว่ามีระบบที่เจาะการทำธุรกรรม Monero ได้แล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าระบบดังกล่าวมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่