LJFF และ Crypto.com สอน Web3 แก่เด็กนักเรียน
โครงการมอบความรู้ Blockchain และ Web 3 เกิดจากการร่วมมือกันระหว่างองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร LJFF และ Crypto.com
โครงการมอบความรู้ Blockchain และ Web 3 เกิดจากการร่วมมือกันระหว่างองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร LJFF และ Crypto.com
งานแถลงข่าวประกาศจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตชื่อดังถึงเจ้าของแชมป์ 3 สมัยของทีมบาสเกตบอล NBA อย่าง Los Angeles Lakers ได้ผลักดันให้องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร LeBron James Family Foundation หรือ LJFF และ Crypto.com แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตชื่อดังร่วมลงนามในข้อตกลงพันธมิตรระยะยาวเพื่อมอบความรู้ และหยิบยื่นโอกาสในการพัฒนาบุคลากรให้รู้จักกับเทคโนโลยี Web 3 และ Blockchain มากขึ้น
เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของ LJFF และ Crypto.com
ทางสำนักข่าวท้องถิ่น Akron Beacon Journal ได้ออกมารายงานถึงเป้าหมายในการร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนจำนวนกว่า 1,600 ที่อาศัยอยู่ในเมืองแอครอน รัฐโอไฮโอ แห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นบ้านเกิดของ LeBron James ซุปเปอร์สตาร์ NBA ชื่อดัง ให้สามารถเรียนรู้เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังสกุลเงินดิจิทัล และประโยชน์ของคริปโตที่จะช่วยปูเส้นทางอาชีพของให้แก่พวกเขาได้ในอนาคต โดยนักกีฬาใจบุญได้ออกมากล่าวถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของเขาผ่านคำแถลงการณ์บนเว็บไซต์หลักของ Crypto.com ว่า
“เทคโนโลยี Blockchain กำลังเข้ามาปฏิวัติในระบบเศรษฐกิจ, วงการกีฬา, อุตสาหกรรมด้านความบันเทิง, โลกศิลปะ และวิธีการมีส่วนร่วมกับผู้อื่นไปอย่างสิ้นเชิง ผมต้องการจะแน่ใจว่าคอมมิวนิตี้ที่ผมเติบโตขึ้นมาจะไม่ถูกทอดทิ้ง”
นอกจากนี้ LeBron James คาดหวังให้เด็กนักเรียนเหล่านั้นได้เรียนรู้เกี่ยวกับเส้นทางอาชีพที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมดิจิทัลผ่านโลกเสมือนจริง และผู้เชี่ยวชาญจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตรายใหญ่อย่าง Crypto.com อย่างไรก็ตามทางด้าน Kris Marszalek ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอของบริษัทได้ออกมากล่าวว่า
“องค์กรของเราภูมิใจที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับ LJFF (LeBron James Family Foundation) ในการมอบโอกาสทางการศึกษา และช่วยพัฒนาบุคลากร ไปพร้อม ๆ กับการส่งต่อเครื่องมือ และการเข้าถึงคริปโตที่จะช่วยให้เด็กรุ่นต่อไปนำไปใช้สร้างอนาคตที่ดีขึ้น และใช้งานคริปโตได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน”
ทำความรู้จักกับซุปเปอร์สตาร์ NBA ที่แสนใจบุญคนนี้ให้ดียิ่งขึ้น
หากคุณไม่ใช่คอกีฬาบาสเกตบอลตัวยง ก็อาจจะไม่รู้จักกับซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังในวงการรายนี้ก็เป็นได้ นอกจากจะมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมกีฬาแล้วนั้น เขายังเป็นหนึ่งในนักลงทุนชื่อดังที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว โดย LeBron James ได้เริ่มฉายแววเข้าสู่วงการบาสเกตบอลมาตั้งแต่เขาอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ซึ่งผลงานที่โดดเด่นอย่างมากคงจะหนีไม่พ้นการพาให้ทีม NBA ความชัยชนะได้ถึง 3 ครั้ง รวมไปถึงการครองตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าได้ถึง 4 ครั้ง และช่วยให้ทีมชาติสหรัฐอเมริกาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ถึง 2 ครั้งอีกด้วย
ในด้านการลงทุนแน่นอนว่าเขาเองก็มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กัน หลังจากที่เขาได้สร้างชื่อเสียงมาตลอดระยะเวลาหลายปี ก็ได้มีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เข้ามาติดต่อขอให้เขาไปเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่ง Nike ก็ได้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ติดต่อเข้าไปเพื่อขอให้เขาช่วยโปรโมทรองเท้าบาสเกตบอลรุ่น LeBron พร้อมทำสัญญาตลอดชีพให้กับนักกีฬารายนี้ หลังจากทำยอดขายถล่มทลายได้ทุก ๆ ปีที่ในอนาคตอาจมีมูลค่ารวมมากถึง 930 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว นับแต่นั้นมา LeBron James ก็ได้เริ่มทำธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถือหุ้นในบริษัทผู้ผลิตหูฟังชื่อดังอย่าง Beats รวมไปถึงการเข้าลงทุนในทีมกีฬาที่เขาเคยทำงานให้มาก่อนอย่าง Fenway Sports Group (FSG) ที่ภายหลังได้เข้าเทกโอเวอร์ Liverpool สโมสรชื่อดังจากเกาะอังกฤษ จึงทำให้ซุปเปอร์สตาร์รายนี้กลายเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของทีมฟุตบอลชื่อดังไปโดยปริยายนั่นเอง
นอกเหนือจากการสวมบทบาทเป็นทั้งนักกีฬา และนักลงทุนแล้ว ชายผู้นี้ยังเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ LeBron James Family Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ให้ความช่วยเหลือผู้คนในบ้านเกิดของเขา ซึ่งที่ผ่านมาทางองค์กรได้สร้างโรงเรียน, ที่อยู่อาศัย และศูนย์ให้ความช่วยเหลือประจำชุมชนในเมืองแอครอนด้วยเช่นเดียวกัน
แม้จะเป็นโครงการที่มีประโยชน์ แต่ผู้ใช้งาน Crypto.com กลับไม่พอใจ
Crypto.com ได้ขึ้นแท่นเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตรายใหญ่ที่สุดอันดับที่ 5 จากปริมาณการซื้อขายภายใน 24 ชั่วโมงที่ระดับ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์มจำนวนมากกว่า 10 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามเหรียญมักมี 2 ด้านเสมอ โครงการมอบความรู้ให้แก่เด็กนักเรียนในครั้งนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มบางส่วน โดยหนึ่งในผู้ใช้งานทวิตเตอร์ในชื่อ DavidBlythBEM ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการช่วยเหลือสังคมของ Crypto.com ในครั้งนี้ว่า
“พวกคุณเอาแต่ใช้เงินทั้งหมดไปกับพาร์ทเนอร์ แต่ว่าการให้บริการ Customer Support บนแพลตฟอร์มยังไม่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเลย ผู้ใช้งานบางรายยังไม่ได้รับเงินคืนหลังจากที่แพลตฟอร์มถูกแฮ็กเลยด้วยซ้ำ”
