JD.com ให้ใช้หยวนดิจิทัลฉลองโปรวันคนโสดเท่านั้น
บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง JD.com ให้ใช้หยวนดิจิทัล หรือ e-CNY ในการชำระเงินซื้อของจากงานมหกรรมช็อปปิ้งประจำท้องถิ่น
บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง JD.com ให้ใช้หยวนดิจิทัล หรือ e-CNY ในการชำระเงินซื้อของจากงานมหกรรมช็อปปิ้งประจำท้องถิ่น
ทางบริษัท JD.com ให้ใช้หยวนดิจิทัล หรือ e-CNY ชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซของบริษัทเพื่อช็อปปิ้งในโปรโมชันวันคนโสดที่เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม และได้สิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
วันคนโสดนั้นถูกจัดให้เป็นวันหยุดอย่างไม่เป็นทางการของจีนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับคนที่อยู่ในสถานะโสด หรือยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร ได้ออกมาช็อปปิ้งซื้อของให้กับตนเอง
JD.com ให้ใช้หยวนดิจิทัลให้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด
โฆษกของบริษัทระบุว่า ชาวจีนกว่า 100,000 รายได้ใช้ e-CNY บนแอปพลิเคชันของ JD.com ในช่วงที่ผ่านมา โดยเขากล่าวเสริมว่า
"พวกเราจะยังคงทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวของเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันตัวนี้ต่อไป"
โดยทางโฆษกได้ออกมาปฏิเสธที่จะบอกมูลค่าในการใช้จ่ายด้วยหยวนดิจิทัลภายในงานนี้ นอกจากนี้ทาง JD.com ยังเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซเจ้าแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ยอมรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ของประเทศมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งลูกค้าจำนวนกว่า 450,000 รายได้ใช้ e-CNY ในการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันของบริษัทตั้งแต่วันที่ 11 เดือนธันวาคม ปี 2020 ไปจนถึงวันที่ 18 มิถุนายน ปี 2021 โดยยอดขายรวมสุทธิมีมากกว่า 100 ล้านหยวนดิจิทัล หรือคิดเป็น 15.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
JD.com ส่งเสริมให้เกิดการใช้หยวนดิจิทัล
บริษัท JD.com เป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซแดนมังกร ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1998 ทำหน้าที่เป็นธุรกิจค้าปลีกบนแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในจีน นอกจากจะเป็นบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดในประเทศแล้ว ก็ยังเป็นบริษัทที่เริ่มให้การยอมรับ CBDC ของประเทศมาใช้เพื่อจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานในเดือนเมษายนอีกเช่นเดียวกัน
หลังจากการเปิดตัวโครงการนำร่อง CBDC ตัวแรกไปในปี 2020 The People's Bank of China (PBOC) หรือ ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ออกมาสนับสนุนให้เกิดการนำสกุลเงินดิจิทัลไปใช้ภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป จำนวนผู้ที่ได้เปิดบัญชีหยวนดิจิทัลมีมากถึง 140 ล้านราย หยวนดิจิทัลที่ถูกใช้ไปรวมเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าทางธนาคารกลางจะยังไม่ได้ออกมาประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็ตาม