หน่วยงานกำกับของประเทศไทยวางแผนทำการออกกฎใหม่สำหรับควบคุมการซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและคริปโตเคอเรนซี่แบบรายบุคคล
หน่วยงานกำกับของประเทศไทยวางแผนทำการออกกฎใหม่สำหรับควบคุมการซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและคริปโตเคอเรนซี่แบบรายบุคคล ซึ่งเป็นความกังวลของหน่วยงานกำกับดูแลหลังจากที่มีกระแสการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ก.ล.ต.ของประเทศไทยได้ร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศอื่นๆในการตรวจสอบ ควบคุม ดูแลและได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ cryptocurrency
คุณรื่นวดี สุวรรณมงคล กรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ SEC กล่าวว่า “ใครก็ตามที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและคริปโตผ่านบัญชีของตนเอง สามารถทำการลงทุนผ่านผู้จัดการกองทุนที่ได้รับใบอนุญาต หรือที่ปรึกษาทางการเงินที่เชื่อถือได้”
“สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากนักลงทุนคริปโตส่วนใหญ่ในตลาดของประเทศไทยนั้นมีอายุน้อยมาก อย่างเช่น นักเรียนและวัยรุ่น” และได้กล่าวเสริมอีกว่า “เราทราบว่าคนเหล่านี้มีความชื่นชอบในนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆแต่การลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ก็มีความเสี่ยงมหาศาลเช่นเดียวกัน”
ถึงแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นราคา หรือมีความผันผวนมากก็ตามแต่ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากๆ ทำให้นักลงทุนรายย่อยยังคงให้ความสนใจที่จะลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ bitcoin เป็นสกุลเงินที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ได้เพิ่มมูลค่ามากกว่า 450 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 และมีมูลค่าในตลาดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
หน่วยงานกำกับดูแลยังได้เปิดเผยอีกด้วยว่า จะทำการวางแผนออกกฎใหม่ในการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลก่อนที่จะมีการทำประชาพิจารณ์ประมาณต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยเจ้าหน้าที่จะประเมินคำแนะนำและข้อเสนอแนะจากผู้ให้บริการเว็บเทรด โบรกเกอร์และผู้ดำเนินการที่เกี่ยวข้องอื่นๆก่อนที่จะสรุปข้อจำกัดอีกด้วย
กฎใหม่และข้อกำหนดสำหรับนักลงทุนรายย่อย
กฎใหม่นี้อาจจะมีข้อกำหนดให้นักลงทุนรายย่อยมีความรู้เกี่ยวกับตลาดและสกุลเงินคริปโตก่อนที่จะทำการอนุญาตให้เปิดบัญชีในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นรายบุคคลและอาจจะต้องมีการแสดงรายได้ หรือทรัพย์สินก่อนทำการเปิดบัญชีในการซื้อขายกับเว็บเทรดในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ Bitkub, Satang pro, Huobi Thailand, Zipmex, Upbit และ Z.com เป็นต้น
การซื้อขายของสกุลเงินคริปโตในประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่า 3 เท่าในเดือนมกราคม หากเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้านั้นแล้วมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นถึง 65 พันล้านบาท โดยการซื้อขายมากกว่า 90% มาจากคนไทย (ข้อมูลจาก ก.ล.ต.)
ทั้งนี้คุณรื่นวดี ได้ทิ้งท้ายว่า อาจจะได้เห็นการระดมทุนผ่านการทำ ICO โดยบริษัทในประเทศไทยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่นใดเพิ่มเติม