อินโดนีเซียกำลังพิจารณาการใช้งาน Bitcoin เป็นทรัพย์สินสำรองของประเทศ
กลุ่ม Bitcoin Indonesia ได้เสนอแนวคิดเรื่องการใช้ Bitcoin เป็นทรัพย์สินสำรองต่อรองนายกรัฐมนตรี พร้อมชูศักยภาพการขุดและการให้ความรู้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว

กลุ่ม Bitcoin Indonesia ได้เสนอแนวคิดเรื่องการใช้ Bitcoin เป็นทรัพย์สินสำรองต่อรองนายกรัฐมนตรี พร้อมชูศักยภาพการขุดและการให้ความรู้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว
เมื่อเร็วๆ นี้ Bitcoin Indonesia เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X ว่าทางกลุ่มได้รับเชิญให้เข้าพบเจ้าหน้าที่จากสำนักงานรองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เพื่อเสนอแนวทางการนำ Bitcoin มาใช้ในฐานะทรัพย์สินสำรองระดับประเทศ โดยชี้ว่าแนวคิดดังกล่าวอาจเป็นเครื่องมือใหม่ในการส่งเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
“เราได้เสนอไอเดียต่อสำนักงานรองประธานาธิบดี ถึงความเป็นไปได้ในการใช้การขุด Bitcoin เป็นกลยุทธ์ทรัพย์สินสำรองของประเทศ” Bitcoin Indonesia โพสต์ข้อความดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมเสริมว่าอีกประเด็นสำคัญคือการส่งเสริมการให้ความรู้ด้าน Bitcoin ในระดับประเทศ
ปัจจุบันอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก มีประชากรเกินกว่า 280 ล้านคน และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประมาณ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 16 ของโลก
ชูศักยภาพทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ ดึงดูดการขุด Bitcoin
ในเวทีหารือครั้งนี้ ตัวแทนจาก Bitcoin Indonesia ได้นำเสนอแนวทางการใช้ทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนที่อินโดนีเซียมีอยู่จำนวนมาก เช่น พลังน้ำและพลังงานความร้อนใต้พิภพ มาต่อยอดในอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin เพื่อสร้างงานและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังเช่นตัวอย่างในหลายประเทศที่เริ่มใช้กลยุทธ์ดังกล่าวแล้ว
Bitcoin Indonesia ยังได้นำเสนอการคาดการณ์ราคา Bitcoin ของ Michael Saylor ผู้ร่วมก่อตั้ง MicroStrategy ที่ระบุว่า Bitcoin อาจมีมูลค่าสูงถึง 13 ล้านดอลลาร์ต่อ 1 BTC ภายในปี 2045 ในกรณีปกติของตลาด และอาจพุ่งไปถึง 49 ล้านดอลลาร์ในกรณีที่เกิดขาขึ้นรุนแรง
เร่งผลักดันการศึกษา Bitcoin ในระดับชาติ
นอกจากนี้ Bitcoin Indonesia ยังเน้นถึงความสำคัญของการสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ Bitcoin แก่ประชาชนและผู้กำหนดนโยบาย เพื่อปูทางสู่การยอมรับในระยะยาว โดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงรายหนึ่งที่กล่าวว่า
“อินโดนีเซียจำเป็นต้องเดินหน้าส่งเสริมการศึกษาด้าน Bitcoin อย่างต่อเนื่องในอนาคต”
แม้หลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ กำลังใช้ Bitcoin เป็นทรัพย์สินสำรองเพื่อรับมือกับปัญหาอัตราหนี้ต่อ GDP ที่พุ่งสูงขึ้น อินโดนีเซียเองยังไม่มีแรงผลักดันที่เท่ากัน เนื่องจากมีอัตราหนี้ต่อ GDP อยู่ที่ 39% และอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ในเดือนมกราคม 2025 อยู่ที่ระดับต่ำเพียง 0.76%
นโยบายภาครัฐยังเข้มงวดต่อการใช้คริปโต
แม้อินโดนีเซียจะอนุญาตให้มีการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีได้ภายในประเทศ แต่ยังคงห้ามการใช้คริปโตเป็นวิธีชำระเงินมาตั้งแต่ปี 2017 และในปี 2023 ทางการได้ย้ำจุดยืนนี้อีกครั้ง โดยระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อการชำระเงินด้วยคริปโตโดยนักท่องเที่ยว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศปรับขึ้นภาษีต่อผู้ซื้อขายและนักขุดคริปโต โดยรายได้จากการขายคริปโตผ่านตลาดภายในประเทศจะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจาก 0.1% เป็น 0.21% ส่วนการขายผ่านตลาดต่างประเทศปรับเพิ่มจาก 0.2% เป็น 1% ขณะเดียวกัน ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับกิจกรรมขุดคริปโตเพิ่มจาก 1.1% เป็น 2.2%
อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายห้ามการใช้คริปโตในการชำระเงินดูจะยังไม่เข้มงวดมากนัก โดยผู้สื่อข่าวของ Cointelegraph ที่ลงพื้นที่ในบาหลี พบว่ามีประกาศขายอสังหาริมทรัพย์หลายรายการที่ยังคงรับ Bitcoin เป็นช่องทางการชำระเงินอยู่
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว