Blockchain

อินเดียกำลังจะต่อต้านวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ปลอมด้วยบล็อกเชน

Photo 1578308175085 444a1fbea0fe.jpg

อินเดียถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 และพวกเขากำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการผลิตวัคซีนสำหรับปราบโรคร้ายในครั้งนี้ รวมถึงต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้มันไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดีอีกด้วย

ฝ่ายบริหารของรัฐเตลังคานา (Telangana) ซึ่งเป็นรัฐทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย กำลังวางแผนที่จะป้องกัน และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความพยายามสำหรับการกักตุนวัคซีน COVID-19 ในตลาดมืด โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่ง ณ ขณะนี้บริษัทในเมืองหลวงของรัฐเตลังคานา อย่างนครไฮเดอราบัด (Hyderabad) ก็กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาที่สามารถใช้งานได้จริง

การทำบัญชีวัคซีนแบบแยกประเภท (Vaccine Ledger) ที่ใช้บล็อคเชนเป็นพื้นฐาน

ฝ่ายไอทีของรัฐเตลังคานา พยายามใช้โซลูชันบล็อกเชนที่เรียกว่า Vaccine Ledger ซึ่งถูกพัฒนาโดย StaTwig บริษัทสตาร์ทอัพของ T-Hub ผู้เคยให้บริการกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ด้วยคำสั่งที่ให้แจกจ่ายวัคซีนทั่วโลก และให้ความช่วยเหลือด้านพัฒนาการและมนุษยธรรมแก่เด็ก ๆ

Vaccine Ledger นั้นถือเป็นโซลูชันที่ผ่านการทดลอง และทดสอบมาเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งได้ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาติดตามวัคซีนทุก ๆ หลอดที่ออกจากเหล่าผู้ผลิตจนไปถึงยังผู้บริโภค โดยหลังจากนี้ทาง StaTwig ได้รับไฟเขียวให้เริ่มนำร่องทดลองใช้ระบบดังกล่าวกับวัคซีนที่จะเข้ามาแก้ไขวิกฤตของโลกอย่าง COVID-19 และคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้จริงในเร็ว ๆ นี้

Siddhartha Chakravarthy ผู้ก่อตั้ง StaTwig กล่าวถึงการดำเนินงานในครั้งนี้ว่า

“ณ ตอนนี้ในขณะที่วัคซีนสำหรับ Covid-19 กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอยู่นั้น ทาง StaTwig เองก็จะดำเนินการนำร่องระบบสำหรับติดตามยาชนิดอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับ Covid-19 ตัวอย่างเช่น ยาต้านไวรัสที่มีชื่อว่า Remdesivir ซึ่งกำลังได้รับการทดสอบเพื่อรักษา COVID ‑ 19 และได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินในอินเดียสำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง”

หนทางของการต่อสู้กับยาเถื่อน

เมื่อผู้ก่อตั้ง StaTwig ถูกถามว่าโซลูชันบล็อกเชนนั้นสามารถตรวจจับยาปลอม หรือยาเถื่อนได้อย่างไร ทาง Chakravarthy ก็อธิบายว่ายาทั้งหลายมักถูกนำไปขายในตลาดมืดทุก ๆ ครั้งที่มีการส่งคืน ดังนั้นการสแกนคิวอาร์โค้ดอย่างง่ายจะมีประโยชน์ในการระบุว่าผลิตภัณฑ์ใดที่เป็นของจริง และผ่านมาตรฐาน

เขายังระบุเพิ่มเติมอีกว่า

“ห่วงโซ่อุปทานย้อนกลับ หรือ การที่สินค้ามีความจำเป็นต้องส่งคืนจากผู้บริโภคไปสู่จุดจำหน่ายสินค้าต้นทาง บางครั้งก็มีความไม่ตรงไปตรงมา เพราะอาจจะเกิดความผิดพลาดระหว่างกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นการถูกขโมย หรือถูกเอานำไปขายด้วยวิธีไม่พึงประสงค์ แต่ด้วยวิธีแก้ปัญหาของ StaTwig แม้แต่แพทย์หรือพยาบาลที่ดูแลผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็สามารถสแกนโค้ด QR และตรวจสอบมันได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์จริงที่ขนส่งผ่านช่องทางที่เหมาะสมหรือไม่”
ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

รอบนี้ไม่อาจเหมือนเดิม? นักวิเคราะห์ เผย RSI ของ Bitcoin บ่งชี้ว่าอาจมีราคาสูงถึง $233,000 ในปี 2025
วาฬ Bitcoin ยุคบุกเบิกเคลื่อนย้าย BTC มูลค่า 630,000 ดอลลาร์สู่ Kraken รวม 5.5 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียงสองเดือน
Bitcoin พุ่งทะลุ 64,000 ดอลลาร์! นักลงทุนสาย Short ถูกบังคับปิดสถานะกว่า 3.8 พันล้านบาท
Samara Asset Group เตรียมลงทุนใน Bitcoin ด้วยพันธบัตรมูลค่ากว่า 33 ล้านดอลลาร์